อยากรู้หรือไม่ว่าอาหารที่คุณให้น้องหมาและน้องแมวนั้นพรีเมียมจริงหรือเปล่า?

พลิกหลังถุง การอ่านฉลากง่ายๆ เคล็ดลับสำหรับการเลือกอาหารสุนัขและแมวพรีเมียมให้กับลูกๆของคุณ

คุณเคยยืนอ่านฉลากด้านหลังถุงอาหารสัตว์เลี้ยงแล้วคิดว่า “นี่หมายถึงอะไรบ้าง?” หรือไม่? หากคุณเคยสงสัย บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจข้อมูลโภชนาการที่ระบุบนบรรจุภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงได้ง่ายขึ้น นี่คือ 5 ส่วนสำคัญที่ควรสังเกตเมื่อคุณตรวจสอบฉลากด้านหลังถุงอาหาร

1. รายการส่วนผสม

รายการส่วนผสมเป็นการบอกถึงทุกอย่างที่อยู่ในอาหาร โดยเรียงตามน้ำหนัก ส่วนผสมที่ใช้ในปริมาณมากที่สุดจะอยู่ลำดับแรก ๆ และส่วนผสมที่ใช้ในปริมาณน้อยกว่าจะอยู่ลำดับถัดมา วิธีนี้ช่วยให้คุณเห็นว่ามีอะไรเป็นส่วนประกอบหลักของอาหารนั้น ๆ

การเลือกอาหารพรีเมียมสำหรับสุนัขและแมวจะต้องคำนึงถึงส่วนผสมที่มีคุณภาพสูงและให้ประโยชน์ทางโภชนาการที่ครบถ้วน นี่คือวิธีการดูและพิจารณาส่วนผสมของอาหารสุนัขและแมวที่เป็นพรีเมียม

แบรนด์อาหารพรีเมียมส่วนใหญ่ จะโปร่งใสเรื่องส่วนผสมและมีข้อมูลให้ศึกษาเพิ่มเติ่ม เช่นแบรนด์ WELLNESS CORE จะมีข้อมูลส่วนผสม และ มีการชี้แจงอย่างชัดเจน พร้อมตารางจำแนกอาหารตามโภชนาการสำหรับทุกสูตร

1.1 ส่วนประกอบเนื้อสัตว์เป็นหลัก

  • เนื้อสัตว์สด (Whole Meat or Deboned Meat): อาหารพรีเมียมจะใช้เนื้อสัตว์สดเป็นส่วนผสมหลัก เช่น ไก่เลาะกระดูก (Deboned Chicken), เนื้อแกะสด (Fresh Lamb) หรือปลา เช่น ปลาแซลมอน เนื้อสัตว์สดมีคุณภาพสูงและเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญสำหรับสัตว์เลี้ยง เพิ่มความน่าทาน แต่เนื้อสดจะมีน้ำเป็นส่วนผสมกว่า 70% เมื่อผ่านกระบวนการผลิตอาหาร ปริมาณจะน้อยลง
  • Meat Meal (อาหารสัตว์จากเนื้อสัตว์แห้ง): หากเป็น Meat Meal ควรเป็น “Chicken Meal,” “Turkey Meal,” หรือเนื้อสัตว์อื่นที่ระบุชัดเจนว่ามาจากเนื้อสัตว์ที่มีคุณภาพ โดยไม่รวมถึงขนหรือหัว ส่วนประกอบนี้มีความเข้มข้นของโปรตีนมากกว่าเนื้อสด เนื่องจากน้ำถูกขจัดออกไปแล้ว

1.2 ไม่มีผลพลอยได้จากสัตว์ (No By-Products)

  • อาหารพรีเมียมจะหลีกเลี่ยง Meat By-Products หรือผลพลอยได้จากเนื้อสัตว์ เช่น ส่วนหัว ขน และลำไส้ ซึ่งเป็นส่วนผสมที่มีคุณภาพต่ำและอาจย่อยยากสำหรับสัตว์เลี้ยง

1.3 ไม่มีส่วนผสมจากธัญพืชเกรดต่ำ (ควรเป็น Grain-Free หรือ Whole Grains จะดี)

  • Grain-free คืออาหารที่ไม่มีส่วนประกอบของธัญพืช เช่น ข้าวโพดหรือข้าวสาลี เหมาะสำหรับสุนัขและแมวที่มีอาการแพ้ธัญพืช อาการแพ้ อาจมีหลายอาการเช่น เกิดคราบน้ำตา มีอาการคัน บวมแดง ตามร่างกาย แต่ต้องเข้าใจว่า Grain-free ไม่ได้แปลว่ามีคาร์โบไฮเดรตน้อย อาหารเหล่านี้อาจใช้แหล่งคาร์โบไฮเดรตอื่น เช่น มันฝรั่ง ถั่วลันเตา ถั่วเลนทิล หรือแครอทแทน ดังนั้นควรเน้นดูที่ส่วนประกอบและโภชนาการโดยรวมเป็นหลัก ไม่ใช่เพียงแค่คำว่า “Grain-free”
  • อาหารพรีเมียมมักจะเป็น Grain-Free หรือใช้ธัญพืชที่มีคุณภาพสูง เช่น ข้าวกล้อง (Brown Rice) หรือข้าวโอ๊ต (Oats) แทนธัญพืชเกรดต่ำ เช่น ข้าวโพด หรือข้าวสาลี ซึ่งอาจทำให้สัตว์เลี้ยงบางตัวแพ้ได้

1.4 ไม่มีสารเติมเต็ม (No Fillers)

  • อาหารพรีเมียมจะหลีกเลี่ยงการใช้สารเติมเต็มที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ เช่น ข้าวโพด แป้งข้าวสาลี หรือสารกันบูดเทียม สารเหล่านี้อาจก่อให้เกิดอาการแพ้และไม่มีประโยชน์ทางโภชนาการต่อสัตว์เลี้ยง

1.5 แหล่งไขมันที่ดี (Healthy Fats)

  • อาหารพรีเมียมควรมีไขมันจากแหล่งที่ดี เช่น น้ำมันปลาแซลมอน (Salmon Oil) หรือไขมันไก่ (Chicken Fat) ซึ่งเป็นแหล่งกรดไขมันจำเป็นอย่าง โอเมก้า 3 และ โอเมก้า 6 ที่ช่วยบำรุงผิวหนังและขนให้สุขภาพดี

1.6 แหล่งคาร์โบไฮเดรตคุณภาพสูง (High-Quality Carbohydrates)

  • หากมีส่วนผสมของคาร์โบไฮเดรต ควรเป็นมันฝรั่ง ถั่วลันเตา หรือข้าวกล้อง ซึ่งย่อยง่ายและให้พลังงานที่ดี ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นสูง

1.7 ไม่มีสารปรุงแต่งสังเคราะห์ (No Artificial Additives)

  • อาหารพรีเมียมจะปราศจากสี กลิ่น และรสชาติสังเคราะห์ รวมถึงสารกันบูดเทียม เช่น BHA, BHT หรือ Ethoxyquin ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงในระยะยาว

1.8 มีผักและผลไม้เสริมโภชนาการ (Fruits and Vegetables)

  • อาหารพรีเมียมมักมีการเพิ่มผักและผลไม้ เช่น บลูเบอร์รี่ แครอท ผักโขม หรือแอปเปิ้ล ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่ และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมสุขภาพให้กับสัตว์เลี้ยง

1.9. การรับรองความสมดุลทางโภชนาการ (Complete and Balanced)

  • อาหารพรีเมียมต้องมีคำรับรองว่าอาหารนั้นมีความครบถ้วนและสมดุลทางโภชนาการ ซึ่งหมายความว่าสามารถใช้เป็นแหล่งอาหารหลักสำหรับสุนัขหรือแมวในแต่ละช่วงวัย เช่น ลูกสัตว์เลี้ยง หรือสัตว์เลี้ยงที่โตเต็มวัย เช่น อาหารสุนัขและแมว Wellness CORE จะมี เกณฑ์จำแนกอาหารตามมาตรฐานโภชนาการ ให้ดาว์โหลด ในทุกสูตร

ตัวอย่างส่วนผสมที่ดีของสุนัขและแมว

2. การวิเคราะห์รับรอง (GUARANTEED ANALYSIS)

การวิเคราะห์รับรอง (Guaranteed Analysis) คล้ายกับ “ข้อมูลโภชนาการ” ที่เราพบในผลิตภัณฑ์อาหารมนุษย์ เป็นส่วนที่จำเป็นในฉลากอาหารสัตว์เลี้ยง และบอกถึงสารอาหารหลักในอาหาร สารอาหารสำคัญที่ต้องระบุ หลายๆ แบรนด์ในท้องตลาดจะมี การันตีเบื้องต้น เช่น %โปรตีน %ไขมัน %ใยอาหาร %เถ้า และ%ความชื้น

อาหารพรีเมียมมักมี %Guaranteed Analysis ที่เหนือกว่า เช่น

3. ปริมาณแคลอรี

อีกสิ่งที่ควรมองหาคือปริมาณแคลอรี ซึ่งมักระบุว่า “ME” หรือพลังงานเมตาบอลิซึม (Metabolizable Energy) ซึ่งเป็นการประมาณพลังงานที่ร่างกายสัตว์เลี้ยงจะได้รับจากอาหาร ค่านี้จะถูกใช้ในการคำนวณแนวทางการให้อาหารในแต่ละสูตร

การรู้ปริมาณแคลอรีในอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เจ้าของสามารถจัดการกับอาหารและสุขภาพของสัตว์เลี้ยงได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมน้ำหนัก, การปรับปริมาณอาหารตามช่วงวัยและกิจกรรม หรือการป้องกันปัญหาสุขภาพในระยะยาว การอ่านฉลากอาหารและรู้ปริมาณแคลอรีจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามในการดูแลสัตว์เลี้ยงอย่างถูกต้องและปลอดภัย

4. ปริมาณการให้อาหาร

แนวทางการให้อาหารมักระบุปริมาณอาหารที่แนะนำต่อวันในหน่วยที่เข้าใจง่าย เช่น ถ้วย (cups) บางแบรนด์เช่น WELLNESS CORE ยังระบุแนวทางการให้อาหารเป็นกรัมต่อวัน เพื่อให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงสามารถชั่งน้ำหนักอาหารอย่างแม่นยำ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยควบคุมน้ำหนักตัวของสัตว์เลี้ยงให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมได้ดียิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม แนวทางการให้อาหารเหล่านี้เป็นเพียงคำแนะนำเบื้องต้นเท่านั้น คุณควรปรับปริมาณอาหารตามความต้องการเฉพาะของสัตว์เลี้ยง เช่น ขนาด ระดับการออกกำลังกาย และการเผาผลาญพลังงานของแต่ละตัว

ปริมาณอาหารสัตว์เลี้ยงที่แนะนำต่อวัน

5. คำรับรองความครบถ้วนทางโภชนาการ

คำรับรองความครบถ้วนทางโภชนาการ (Nutritional Adequacy Statement) หรือการรับประกันโภชนาการ ระบุว่าอาหารนั้นมีสารอาหารครบถ้วนและสมดุลสำหรับสัตว์เลี้ยงในช่วงอายุหรือสภาวะที่แตกต่างกัน เช่น การเจริญเติบโต การสืบพันธุ์ หรือการบำรุงรักษาสำหรับสัตว์เลี้ยงโตเต็มวัย หากอาหารระบุว่า “ครบถ้วนและสมดุล หรือ Complete & Balance” หมายความว่าอาหารนี้มีสารอาหารทั้งหมดที่สัตว์เลี้ยงต้องการและสามารถใช้เป็นแหล่งอาหารหลักได้

เมื่อคุณเข้าใจทั้ง 5 ส่วนนี้แล้ว คุณจะสามารถเลือกอาหารที่เหมาะสมและให้ประโยชน์ต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงของคุณได้ดียิ่งขึ้น!

หากท่านใดกำลังค้นหา อาหารพรีเมียมสำหรับสุนัขและแมว ที่ดีครบทั้ง 5 ข้อที่ กล่าวมา แอดมินแนะนำ อาหารสุนัข และแมว Wellness CORE และสามารถดู ส่วนผสมที่มีคุณภาพ ได้ที่นี่ คลิ๊ก

สามารถหาซื้ออาหารสุนัขและแมว พรีเมียม แบรนด์ Wellness CORE ได้ที่ร้านเพ็ทช็อปชั้นนำทั่วประเทศหรือ Wellness Pet Food Thailand Official Store

New CORE Digestive Health Foods for Dogs and Cats
Thumbnail

There’s nothing pets love more than a good belly rub, and now, they’ll have happy bellies for a new reason. Wellness® Natural Pet Food, maker of food and treats for dogs and cats, presents Wellness CORE® Digestive Health, a line of recipes that are crafted with digestive enzymes, prebiotic fibers and probiotics to promote wellbeing from the inside out.

wellness core digestive health cat food
Wellness CORE® Digestive Health recipes are crafted with prebiotic fibers and probiotics to promote wellbeing from the inside out.

A healthy pet starts with a happy belly because gut health goes beyond just the digestive system. Digestive health is responsible for seventy percent of the immune system, impacts overall wellbeing and supports protection from toxins and allergens. Wellness CORE Digestive Health products are highly digestible, support a healthy microbiome and immunity, promote lustrous coat and healthy skin and encourage vitality for optimal energy, helping pets achieve whole-body health. This addition to the Wellness CORE family was scientifically crafted by a team of nutritional experts to support digestive health and fuel pets’ best lives.

The new CORE Digestive Health product line comes in response to the growing number of pet parents who are looking to naturally support their pets’ digestive health through their daily meals and nutrition sources. Research conducted by Wellness[1] revealed that 78 percent of pet parents rank easier digestion or better digestion as extremely or very important when weighing health benefits provided in food for dogs or cats. Available in both dry and wet recipes, Wellness CORE Digestive Health provides a product for every pet belly:

  • Wellness CORE Digestive Health Probiotic-Coated Kibble Recipes with Wholesome Grains are formulated with no added wheat, corn, soy, or artificial colors, flavors or preservatives. The probiotic-coated kibble is crafted with digestive enzymes and a unique blend of prebiotic fibers to support digestive health for wellbeing. Kibble recipes for dogs are available in Whitefish and Brown Rice, Chicken and Brown Rice and Small Breed Chicken & Brown Rice recipes. Kibble recipes for cats are available in Chicken & Rice and Salmon & Rice recipes. 
  • Wellness CORE Digestive Health Pate Recipes provide savory flavor and texture with superfoods such as pumpkin and papaya to promote digestive health, plus Omega-3 fatty acids to help nourish skin and coat and essential vitamins and minerals to support immunity. Pate recipes for dogs are available in Chicken, Beef, and Lamb recipes. A pate variety pack is available with Chicken & Beef recipes. Cats can enjoy pate wet recipes in Chicken, Turkey, Whitefish, and Salmon recipes, or select multiple flavors in the Chicken & Turkey variety pack and Salmon & Whitefish variety pack.

“At Wellness, the root of everything we do is focused on promoting our pets’ best lives, and the Wellness CORE Digestive Health product line is our latest innovation to deliver what pet parents want and what we know pets need to achieve overall wellness,” said Dr. Danielle Bernal, staff veterinarian at Wellness Natural Pet Food. “For the same reason we seek it for ourselves, we seek it for our pets: digestive health is the gateway to whole-body wellbeing. We’re proud to bring our first pet food with digestive enzymes to the market through this innovative new family of products.”

Wellness CORE Digestive Health recipes are heading to Pet Specialty stores and online retailers starting now. For more information, please check the WHERE TO BUY section on our Wellness website or contact us via CHAT and we’d be happy to help!

1 Hanover Research Group survey of U.S. cat or dog owners, May 2020.
อาหารสุนัขแบบฟรีซดรายมีประโยชน์อย่างไร ?
brown and tan healthy dog

ปัจจุบัน อาหารสุนัขมีหลากหลายรูปแบบ รสชาติ และลักษณะให้เลือกมากมาย เนื่องจากอาหารสุนัขแบบฟรีซดรายกำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ผู้เลี้ยงสัตว์หลายคนจึงมีคำถามเกี่ยวกับอาหารสุนัขประเภทใหม่นี้ ในที่นี้ เราจะอธิบายว่าอาหารสุนัขแบบฟรีซดรายคืออะไร รวมถึงประโยชน์และความท้าทายที่มากับการให้อาหารสุนัขของคุณในรูปแบบนี้ จากนั้นเราจะให้คำแนะนำวิธีการผสมผสานอาหารแบบฟรีซดรายเข้าไปในอาหารประจำวันของสุนัขคุณ

ก่อนอื่นเรามาพูดถึงเหตุผลว่าทำไมอาหารสุนัขแบบฟรีซดรายถึงได้รับความนิยม ผู้เลี้ยงสัตว์และนักโภชนาการต่างเห็นพ้องกันว่าโปรตีนคุณภาพสูง เช่น ไก่งวง ไก่ หรือแซลมอน ซึ่งมักพบในอาหารแบบฟรีซดราย ให้สารอาหารที่ยอดเยี่ยม โปรตีนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและการบำรุงรักษาเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกายของสุนัขเกือบทุกส่วน ในระดับโมเลกุล โปรตีนจากอาหารให้กรดอะมิโนที่จำเป็นสำหรับร่างกายในการสร้างขน ผิวหนัง กล้ามเนื้อ กระดูกอ่อน เอ็น และเส้นเอ็น และสำหรับสุนัข อาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีนมักจะเป็นที่ชื่นชอบมากที่สุด เพราะส่วนผสมเนื้อสัตว์คุณภาพสูงจะมีกลิ่นหอมและรสชาติที่อร่อย

อาหารสุนัขแบบฟรีซดรายคืออะไร?
การฟรีซดรายเป็นเทคนิคที่ใช้ในการเก็บรักษาส่วนผสมดิบ เช่น เนื้อสด เพื่อผลิตอาหารสุนัขที่ปลอดภัย เก็บได้นาน และมีน้ำหนักเบา อาหารสุนัขแบบฟรีซดรายนั้นจัดเป็นอาหารดิบในทางเทคนิคและอุดมไปด้วยสารอาหาร

การให้อาหารสุนัขแบบฟรีซดรายมีประโยชน์อย่างไร?
อาหารสุนัขแบบฟรีซดรายให้สารอาหารที่ผ่านการแปรรูปน้อยที่สุดสำหรับสุนัข ซึ่งเหมาะกับผู้เลี้ยงที่กำลังมองหาทางเลือกแทนอาหารเม็ดธรรมดา ด้วยรสชาติที่ยอดเยี่ยม อาหารสุนัขแบบฟรีซดรายสามารถใช้เป็นมื้ออาหารหลักสำหรับสุนัขที่กินยาก หรือใช้เป็นท็อปเปอร์ที่อร่อยสำหรับสุนัขทุกตัว เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับมื้ออาหาร

  • ผ่านการแปรรูปน้อยที่สุด
  • รักษารสชาติของส่วนผสมเนื้อสัตว์
  • รักษาคุณค่าทางโภชนาการของส่วนผสม

อาหารสุนัขแบบฟรีซดรายทำอย่างไร ?
การฟรีซดรายเป็นรูปแบบพิเศษของการอบแห้งที่กำจัดความชื้นออกจากอาหารที่อุณหภูมิต่ำมาก ในกระบวนการฟรีซดราย ส่วนผสมดิบจะถูกแช่แข็งก่อน จากนั้นนำไปใส่ในเครื่องสูญญากาศที่เปลี่ยนน้ำในอาหารให้เป็นไอ คุณอาจเคยซื้ออาหารฟรีซดรายมาแล้ว เช่น กาแฟสำเร็จรูปหรือซีเรียลที่มีผลไม้ฟรีซดราย

การฟรีซดรายส่งผลต่อคุณค่าทางโภชนาการของอาหารอย่างไร?
การฟรีซดรายช่วยรักษาคุณค่าทางโภชนาการของส่วนผสมดิบได้มากกว่าวิธีอื่นๆ เช่น การปรุงอาหารหรือการทำให้อาหารสัตว์แห้ง เนื่องจากส่วนผสมของเนื้อดิบถูกฟรีซดราย กระบวนการนี้ช่วยให้สารอาหารที่มีประโยชน์ตามธรรมชาติยังคงอยู่ครบถ้วน

มีอาหารสุนัขแบบฟรีซดรายประเภทใดบ้าง?
อาหารสุนัขแบบฟรีซดรายมีหลากหลายประเภท ตั้งแต่ขนมเนื้ออร่อยๆ อาหารฟรีซดรายที่ใช้เป็นท็อปเปอร์ หรือมิกซ์เซอร์ ไปจนถึงอาหารแบบครบถ้วนและสมดุลที่สามารถใช้เป็นมื้อหลักได้

อาหารสุนัขแบบฟรีซดรายทั้งหมดเหมือนกันหรือไม่?
แม้ว่ากระบวนการฟรีซดรายจะคล้ายกันระหว่างแบรนด์และบริษัทต่างๆ แต่ความแตกต่างจะขึ้นอยู่กับประเภทของอาหารและส่วนผสมที่นำมาทำการฟรีซ ดราย ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงมักประกอบด้วยชิ้นเนื้อเต็มๆ และผลไม้หรือผักที่เห็นได้ชัดเจน บางแบรนด์ที่มีผลิตภัณฑ์อาหารสุนัขแบบฟรีซดรายอาจไม่ได้ใช้เนื้อดิบทั้งชิ้น แต่จะใช้ส่วนผสมที่ผสมกันเพื่อสร้างเป็นก้อนเนื้อคล้ายแฮมเบอร์เกอร์หรือไส้กรอกแทน

ฉันควรกังวลเกี่ยวกับแบคทีเรียจากเนื้อสดในอาหารสุนัขแบบฟรีซดรายหรือไม่?
หากคุณกำลังคิดจะให้อาหารสุนัขแบบฟรีซดราย ควรติดต่อแบรนด์นั้นๆ เพื่อทำความเข้าใจว่าพวกเขามีวิธีการรับรองความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์อย่างไร ที่ Wellness เราให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยของทุกสูตรอาหารที่เราสร้างขึ้น นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมทุกชุดของเนื้อสัตว์ที่เราทำการฟรีซดรายจะต้องผ่านกระบวนการพาสเจอไรซ์ด้วยแรงดันสูง (High-Pressure Pasteurization หรือ HPP) ก่อนขั้นตอนการฟรีซดราย ขั้นตอนนวัตกรรมนี้เพิ่มแรงดันที่ช่วยทำลายแบคทีเรีย ในขณะที่ยังคงรักษาความสมบูรณ์ของส่วนผสมเอาไว้

เราจะผสมอาหารแบบฟรีซดรายเข้าไปในอาหารของสุนัขได้อย่างไร?
อาหารสุนัขที่ทำจากส่วนผสมฟรีซดรายทั้งหมดอาจมีราคาสูง หาได้ยาก และอาจไม่เหมาะกับสุนัขทุกตัว คำแนะนำของเราคือให้ผสมสารอาหารจากอาหารแบบฟรีซดรายบางส่วนเข้าไปในอาหารเม็ดของ Wellness CORE ในขณะที่ยังคงความสะดวกในการให้อาหารตามตารางเวลาปกติของสุนัข

การฝึกลูกแมว

หลายคนคิดว่าแมวไม่สามารถฝึกได้ แต่มันไม่เป็นความจริง! แมวสามารถฝึกได้ดีและมีแรงจูงใจสูงเมื่อใช้เทคนิคที่เหมาะสมและเป็นมิตรกับแมว

เวลาที่ดีที่สุดในการเริ่มฝึกคือเมื่อแมวของคุณยังเป็นลูกแมว เริ่มฝึกเมื่อคุณนำลูกแมวเข้าบ้านครั้งแรก เพราะมันพร้อมที่จะเรียนรู้แล้ว มีหลายสิ่งที่คุณต้องสอนให้กับเธอ แต่ต่อไปนี้คือละครขั้นพื้นฐาน 6 ข้อ

1.สอนการสัมผัสอย่างอ่อนโยน

ลูกแมวของคุณยังตัวเล็กและง่ายต่อการอุ้มตอนนี้ แต่เมื่อเธอโตขึ้น คุณจะต้องยกและอุ้มเธอเพื่อเหตุผลต่างๆ เช่น การให้ยา ตัดเล็บ หรือความปลอดภัย หากคุณเริ่มฝึกให้เธอคุ้นเคยกับการสัมผัสและการถูกอุ้มตั้งแต่ตอนนี้ จะช่วยให้การทำเช่นนี้เป็นเรื่องง่ายเมื่อเธอโตขึ้น

2.การฝึกใช้กรงเดินทาง

แมวจำนวนมากไม่ได้ไปพบสัตวแพทย์บ่อยเพราะเจ้าของกลัวการใส่แมวในกรง การฝึกให้แมวเข้าไปในกรงได้ง่ายและปลอดภัยจะช่วยลดความเครียดของแมวระหว่างการเดินทาง ลดความเสี่ยงที่จะได้รับบาดเจ็บ และยังช่วยประหยัดเวลาในกรณีฉุกเฉินอีกด้วย

สอนให้ลูกแมวคุ้นเคยกับกรงเริ่มต้นด้วยการวางกรงไว้ในที่ที่ลูกแมวมองเห็นและเปิดประตูกรงทิ้งไว้ กรงพลาสติกแข็งแบบเคนเนล (กรงแบบเคนเนล (Kennel-style carrier) คือกรงพลาสติกแข็งที่มีประตูเปิดปิดแบบบานเลื่อนหรือบานพับ ซึ่งมักใช้สำหรับพาน้องสัตว์ไปหาสัตวแพทย์หรือเดินทาง) มักจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

ให้อาหารลูกแมวในกรงเพื่อให้เธอรู้สึกดีเมื่ออยู่ในกรง เริ่มจากการเปิดประตูกรงไว้ก่อน แล้วค่อยๆ ฝึกปิดประตูขณะที่ลูกแมวกินอาหาร ในระหว่างมื้ออาหาร ให้โยนขนมเข้าไปในกรงเป็นครั้งคราวเพื่อดึงดูดลูกแมว หลังจากนั้น ปิดประตูกรง ยกกรงขึ้น เดินรอบห้องแล้ววางกรงลงที่เดิม ปล่อยลูกแมวออกแล้วให้ขนมเป็นรางวัล

ดำเนินการฝึกต่อไปเพื่อให้สามารถพาลูกแมว (ในกรง) ออกไปที่รถได้ ให้เริ่มจากการนั่งในรถสักครู่โดยที่เครื่องยนต์ยังไม่เปิด ในการฝึกครั้งถัดไป ให้ลองเปิดเครื่องยนต์สักครู่ เมื่อลูกแมวคุ้นเคยกับขั้นตอนเหล่านี้แล้ว ให้พาไปขับรถสั้นๆ แล้วค่อยๆ เพิ่มระยะทาง เช่น ไปที่ธนาคารหรือรับของจากบริการขับรถกลับบ้าน

หากลูกแมวรู้สึกสบายใจเมื่อได้ซ่อนตัว ให้คลุมกรงด้วยผ้าขนหนู

วางกรงไว้ในที่ที่เห็นตลอดเวลา เพื่อให้ลูกแมวคุ้นเคยกับการมีกรงอยู่ใกล้ๆ วางผ้าขนหนูอ่อนๆ ในกรงเพื่อให้มันเป็นที่หลบซ่อนสำหรับการนอนพักที่อบอุ่น

3.สังคมกับลูกแมว

บ่อยครั้ง สาเหตุที่แมวโตหลายตัวกลัวประสบการณ์ต่างๆ เช่น การมีผู้มาเยี่ยมที่บ้าน เป็นเพราะขาดการเข้าสังคมหรือการเข้าสังคมที่ไม่เพียงพอเมื่อยังเป็นลูกแมว

ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเข้าสังคมคือระหว่าง 2-7 สัปดาห์ แต่ยังคงมีประโยชน์มากในการดำเนินการต่อไปหลังจากนั้น ช่วงเวลานี้คือตอนที่ลูกแมวเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ และการเรียนรู้ได้ดีที่สุด

นี่คือช่วงเวลาที่ควรพาลูกแมวไปสัมผัสกับสิ่งต่อไปนี้:

  • คนใหม่
  • การสัมผัสอย่างอ่อนโยนบ่อยๆ
  • การฝึกกรงและการเดินทางสั้นๆ
  • สัตว์เลี้ยงตัวอื่น (ทำอย่างปลอดภัย และหลังจากลูกแมวได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว)
  • เสียงในบ้านทั่วไปและการเข้าออกของสมาชิกในบ้าน

การแนะนำควรทำอย่างอ่อนโยน ค่อยเป็นค่อยไป และอยู่ในระดับที่ลูกแมวรู้สึกสบาย เพื่อไม่ให้มันกลัว ควรรักษาท่าทีให้เป็นบวก ให้ขนมเป็นรางวัล และอย่าทำให้ลูกแมวรู้สึกเครียดเกินไป

4.การฝึกใช้กระบะทราย

แมวมีสัญชาตญาณในการขุดทรายในกระบะทราย ขับถ่าย และปกปิดของเสียของตัวเองเพื่อไม่ให้ดึงดูดสัตว์นักล่า

ถึงแม้ว่ามักจะมีแมวที่เข้าใจกระบะทรายตามธรรมชาติ แต่ลูกแมวทุกตัวไม่ได้เข้าใจแนวคิดนี้เสมอไป บางครั้งแม่แมวอาจจะไม่ได้อยู่เพื่อสอนบทเรียนนี้ ลูกแมวยังไม่มีการควบคุมกระเพาะปัสสาวะที่ดีพอที่จะใช้กระบะทรายอย่างแม่นยำเหมือนแมวโต

ยกเว้นการรับเลี้ยงลูกแมวที่ยังเล็กและไม่มีแม่ การฝึกลูกแมวจะค่อนข้างง่ายหากได้รับคำแนะนำพื้นฐานเพียงพอ เตรียมให้ลูกแมวมีโอกาสประสบความสำเร็จด้วยการตั้งกระบะทรายที่ไม่มีฝาปิด และมีขอบต่ำพอที่ลูกแมวจะเข้าออกได้ง่าย หากคุณอาศัยในบ้านหรืออพาร์ตเมนต์ขนาดใหญ่ ให้จำกัดพื้นที่ของลูกแมวในช่วงแรกเพื่อให้มันคุ้นเคยกับตำแหน่งกระบะทราย เติมทรายที่อ่อนนุ่ม ไม่มีน้ำหอม และสามารถตักได้ เพื่อให้ลูกแมวยืนได้อย่างสบาย ตรวจสอบให้แน่ใจว่ากระบะทรายตั้งอยู่ในที่สะดวกเพื่อที่ลูกแมวจะไม่ต้องค้นหามันเมื่อกระเพาะปัสสาวะเต็ม

หากลูกแมวของคุณต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม ค่อยๆ พาเธอไปที่กระบะทรายหลังจากการนอนหลับ มื้ออาหาร หรือเล่นเกม อย่าบังคับให้เธออยู่ที่นั่น เพียงแค่เป็นการแนะนำอย่างอ่อนโยน

อย่าลงโทษลูกแมวถ้ามีอุบัติเหตุ ให้ความอดทนกับลูกแมวเพราะเธอกำลังเรียนรู้อยู่

5.การฝึกใช้เสาลับเล็บ

จัดเตรียมพื้นผิวที่น่าสนใจและเหมาะกับการลับเล็บเพื่อไม่ให้ลูกแมวของคุณไปข่วนเฟอร์นิเจอร์ แมวส่วนใหญ่ชอบเสาที่หุ้มด้วยเส้นใยซิสัล (เส้นใยซิสัล (Sisal) คือเส้นใยธรรมชาติที่ได้จากพืชชนิดหนึ่งชื่อ “ซิสัล” ซึ่งเป็นพืชในตระกูล Agave พบได้ในบางประเทศ เช่น เม็กซิโก เส้นใยซิสัลมีความทนทานและแข็งแรง จึงมักใช้หุ้มเสาลับเล็บเพื่อให้แมวสามารถข่วนได้ดีและไม่ทำลายง่าย) ลงทุนกับเสาลับเล็บที่แข็งแรงและสูงพอที่จะใช้ได้เมื่อลูกแมวโตขึ้น

วางเสาลับเล็บในพื้นที่เปิดเพื่อให้ลูกแมวหามันเจอได้ง่าย ใช้ของเล่นแบบอินเทอร์แอคทีฟและเล่นกับลูกแมวรอบๆ เสา เมื่อเธอข่วนเสาและลับเล็บ เธอจะรู้ว่านี่คือสิ่งที่น่าสนใจสำหรับการข่วน

นอกจากเสาลับเล็บแนวตั้งแล้ว ควรจัดให้มีแผ่นลับเล็บแนวนอนที่ทำจากกระดาษลูกฟูกเพื่อให้ลูกแมวมีตัวเลือกในการข่วนมากขึ้น

อย่าลงโทษลูกแมวถ้าเธอข่วนเฟอร์นิเจอร์ แทนที่จะทำแบบนั้น ให้วางเสาลับเล็บข้างๆ เฟอร์นิเจอร์ที่เธอกำลังข่วน แล้วคลุมเฟอร์นิเจอร์ด้วยผ้า (ให้ผ้าพับให้แน่นเพื่อไม่ให้ลูกแมวสามารถซ่อนตัวใต้ผ้าได้) เพื่อให้ลูกแมวรู้ว่าเสาลับเล็บเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

6.สอนลูกแมวเล่นอย่างเหมาะสม

นี่เป็นบทเรียนที่คุณต้องสอนตัวเองก่อน เพราะอาจจะอยากใช้มือเป็นของเล่น สอนลูกแมวให้กัดหรือข่วนแค่ของเล่น อย่าให้ลูกแมวกัดนิ้วคุณ แม้ว่ามันจะไม่เจ็บตอนนี้ แต่เมื่อเธอโตขึ้นมันจะเจ็บแน่ๆ

จัดของเล่นที่ปลอดภัยสำหรับเวลาที่ลูกแมวเล่นคนเดียว และใช้ของเล่นแบบอินเทอร์แอคทีฟสำหรับช่วงเวลาที่เล่นด้วยกัน ของเล่นอินเทอร์แอคทีฟจะมีการออกแบบเหมือนไม้ตกปลา ซึ่งช่วยให้คุณสามารถเล่นห่างจากฟันและกรงเล็บของลูกแมวได้ ของเล่นชนิดนี้ยังสามารถขยับของเล่นเหมือนเหยื่อให้ลูกแมวได้สนุกเต็มที่กับการเล่น

หลังจากเล่นเสร็จแล้ว ควรเก็บของเล่นแบบอินเทอร์แอคทีฟทุกครั้งเพื่อป้องกันอันตรายจากการถูกผูกคอ ให้ทิ้งไว้แค่ของเล่นที่ปลอดภัยสำหรับการเล่นโดยไม่ต้องมีการดูแล

อาหารแมว สูตรสำหรับลูกแมวของ Wellness CORE มี DHA กับ EPA ที่ช่วยเสริมพัฒนาการของลูกแมวตัวน้อย

👉 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :
ทักแชท: m.me/wellnesspetfoodthailand
Website: https://www.wellnesspetfood.co.th/
.
🌟แชร์ชีวิตที่ดีร่วมกัน แชร์ WELLNESS อาหารสัตว์เลี้ยงที่แนะนำโดยสัตวแพทย์ 🌟

🛒 หาซื้อได้แล้ววันนี้ ที่ร้านเพ็ทช็อปชั้นนำทั่วไป

คู่มือเจ้าของแมวมือใหม่: 7 เคล็ดลับสำหรับการเลี้ยงลูกแมวครั้งแรก

เจ้าของแมวมือใหม่

การนำลูกแมวตัวใหม่เข้ามาบ้านเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น ด้วยพฤติกรรมสนุกสนาน นิ้วเท้าน่ารักเหมือนถั่ว และเสียงเหมียวเล็กๆ ที่น่ารัก ลูกแมวมอบความสุขอันมากมายให้กับครอบครัว

อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นเจ้าของแมวมือใหม่ คุณอาจรู้สึกท่วมท้นเล็กน้อยกับการดูแลสิ่งมีชีวิตขนฟูตัวเล็กๆ นี้ ความรู้สึกไม่แน่ใจเป็นเรื่องธรรมชาติของการเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ ดังนั้นเราจึงอยู่ที่นี่เพื่อช่วยคุณ

ในคู่มือสำหรับเจ้าของแมวมือใหม่นี้ เราจะครอบคลุมทุกสิ่งที่คุณต้องรู้เพื่อเตรียมตัวรับลูกแมวตัวใหม่และแนะนำเคล็ดลับในการช่วยลูกแมวปรับตัวเข้ากับบ้านใหม่ของมัน โดยการใช้รายการตรวจสอบสำหรับเจ้าของแมวมือใหม่ด้านล่างเป็นแนวทาง คุณจะพร้อมต้อนรับลูกแมวเข้าบ้านได้ในเวลาไม่นาน

________________________________________________________________________________________________________________

1.เช็คลิสต์สำหรับเจ้าของแมวมือใหม่

ก่อนนำลูกแมวเข้าบ้าน ควรเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อม การเตรียมอุปกรณ์เหล่านี้ล่วงหน้าจะช่วยให้การปรับตัวของลูกแมวในบ้านใหม่เป็นไปได้อย่างราบรื่นทันที

ต่อไปนี้คือเช็คลิสต์อุปกรณ์สำหรับเจ้าของแมวมือใหม่ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการซื้อ:

  • เตียง: เมื่อลูกแมวเริ่มปรับตัวเข้าบ้านใหม่ มันจะต้องการที่นอนที่อบอุ่นและสะดวกสบาย เตียงนุ่มๆ จะช่วยให้ลูกแมวรู้สึกปลอดภัยและมั่นคง
  • ชามอาหารและน้ำ: เริ่มจากชามขนาดเล็ก ซึ่งจะทำให้ลูกแมวกินได้ง่ายขึ้น
  • กระบะทรายและทรายแมว: ควรเลือกกระบะทรายขนาดเล็กที่ลูกแมวสามารถปีนเข้าออกได้ง่าย เริ่มต้นด้วยถุงทรายขนาดเล็กเพื่อดูว่าลูกแมวชอบทรายแบบไหน
  • เสาลับเล็บแมว: การข่วนเป็นสัญชาตญาณธรรมชาติของลูกแมว ช่วยระบายพลังงาน ดูแลเล็บให้สุขภาพดี และยังเป็นการสร้างความสนุกสนาน เสาลับเล็บแมวจะช่วยให้พวกมันใช้พฤติกรรมนี้กับสิ่งที่เหมาะสมแทนการข่วนเฟอร์นิเจอร์
  • ของเล่น: ตั้งแต่ตุ๊กตาหนูผ้านุ่มไปจนถึงไม้ตีและของเล่นที่สามารถเคลื่อนไหวได้ ควรมีของเล่นหลากหลายเพื่อกระตุ้นให้ลูกแมวออกกำลังกายและเคลื่อนไหว
  • แปรง: ซื้อแปรงขนาดเล็กที่เหมาะกับประเภทขนของลูกแมว
  • อุปกรณ์ทำความสะอาด: การมีลูกแมวอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือคราบเปื้อนที่ไม่คาดคิดในบ้าน ควรเตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาดที่ปลอดภัยสำหรับสัตว์และกระดาษทิชชู่ไว้
  • ขนม: ขนมที่ดีต่อสุขภาพสำหรับลูกแมวสามารถใช้เพื่อเสริมสร้างพฤติกรรมดีๆ และช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับลูกแมวของคุณ เลือกขนมหลายๆ แบบเพื่อดูว่าลูกแมวชอบอะไร

2.เลือกอาหารที่เหมาะสมและกระตุ้นให้ดื่มน้ำ

เมื่อคุณนำลูกแมวเข้าบ้าน คุณควรเริ่มให้อาหารที่เหมาะสมกับอายุของมัน ลูกแมวต้องการโปรตีนสูงและแคลอรี่ที่เพียงพอเพื่อสนับสนุนการเจริญเติบโต สูตรอาหารที่ออกแบบมาสำหรับลูกแมว เช่น CORE Kitten สามารถช่วยให้ลูกแมวได้รับสารอาหารที่จำเป็นทั้งหมด นอกจากนี้คุณอาจพิจารณาเพิ่มท็อปเปอร์อาหารเปียกด้วย ซึ่งไม่เพียงแต่เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้กับมื้ออาหาร แต่ยังช่วยให้ลูกแมวได้รับน้ำอย่างเพียงพออีกด้วย

พูดถึงการดื่มน้ำแล้ว อย่าลืมเตรียมน้ำให้ลูกแมวพร้อมเสมอ เนื่องจากแมวมักชอบน้ำที่ไหล คุณอาจพิจารณาเพิ่มน้ำพุสำหรับแมวเพื่อดึงดูดให้ลูกแมวดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอทุกวัน

อาหารแมว สูตรสำหรับลูกแมวของ Wellness CORE เป็นอาหารเม็ดที่มีสารอาหารครบถ้วน ทั้งยังมี DHA กับ EPA ที่ช่วยบำรุงสมอง สายตา และพัฒนาการเจริญเติบโตของลูกแมวอีกด้วย

3.นัดพบสัตวแพทย์เป็นประจำ

หนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญที่สุดเมื่อคุณนำลูกแมวเข้าบ้านคือการนัดพบสัตวแพทย์ ควรนัดหมายล่วงหน้าให้เสร็จก่อนที่ลูกแมวจะกลับบ้านกับคุณ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญโดยเฉพาะหากมีสัตว์เลี้ยงตัวอื่นอยู่ในบ้าน สัตวแพทย์สามารถช่วยตรวจสอบลูกแมวสำหรับโรคที่สามารถแพร่เชื้อได้ เพื่อความปลอดภัยของทุกคนในบ้าน

นอกจากนั้น สัตวแพทย์ยังสามารถช่วยให้แน่ใจว่าลูกแมวของคุณได้รับวัคซีนและการดูแลป้องกันที่เหมาะสมเพื่อปกป้องจากโรคและปรสิตต่างๆ คุณสามารถใช้โอกาสนี้ในการถามคำถามเฉพาะเกี่ยวกับการดูแลลูกแมวของคุณ สัตวแพทย์ควรเป็นแหล่งข้อมูลอันดับหนึ่งในการทำความเข้าใจความต้องการด้านสุขภาพเฉพาะของลูกแมวของคุณ

4.ทำให้บ้านปลอดภัยสำหรับลูกแมว

เมื่อคุณนำลูกแมวเข้าบ้าน ควรเริ่มให้มันปรับตัวในห้องเดียวก่อน ห้องนี้ควรมีอุปกรณ์ใหม่ๆ สำหรับแมว เช่น เตียง ของเล่น ชามอาหารและน้ำ และกระบะทราย การจำกัดพื้นที่ให้ลูกแมวอยู่ในห้องเดียวจะช่วยให้มันปรับตัวได้อย่างปลอดภัย ช่วยลดความวิตกกังวลในระหว่างการปรับตัว และสำคัญมากโดยเฉพาะเมื่อมีสัตว์เลี้ยงตัวอื่นในบ้านด้วย

สิ่งสำคัญอีกอย่างคือการป้องกันไม่ให้ลูกแมวหนีออกไปข้างนอก สถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับแมวคือการอยู่ในบ้าน จริงๆ แล้วแมวที่เลี้ยงในบ้านมีอายุยืนยาวกว่าการเลี้ยงนอกบ้านถึงสี่เท่า หากคุณต้องการพาลูกแมวไปสำรวจสวน ใช้สายจูงและปลอกคอสำหรับลูกแมวจะช่วยให้คุณสามารถเล่นข้างนอกได้อย่างปลอดภัย

5.แนะนำสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป

หากคุณมีสัตว์เลี้ยงตัวอื่นในบ้าน ควรแนะนำให้ลูกแมวรู้จักกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ อย่างช้าๆ สำหรับแมว เริ่มจากการวางผ้าห่มหรือผ้าเช็ดตัวในเตียงของลูกแมวและเตียงของแมวตัวอื่น หลังจากนั้นหนึ่งวัน ให้สลับผ้าห่มเพื่อให้แมวทั้งสองได้สัมผัสกลิ่นของกันและกัน จากนั้นให้แมวทั้งสองได้ดมกลิ่นกันผ่านประตูที่ปิดไว้ คุณยังสามารถสลับห้องที่แมวแต่ละตัวอยู่เพื่อช่วยให้พวกมันคุ้นเคยกับกลิ่นของกันและกันได้มากขึ้น และค่อยๆ เริ่มแนะนำให้รู้จักกันทีละน้อยภายใต้การดูแล เพื่อสังเกตการปฏิสัมพันธ์ระหว่างแมวและลูกแมว

หากคุณมีสุนัขในบ้าน คุณสามารถทำตามขั้นตอนคล้ายๆ กันได้ แต่ต้องมั่นใจว่าเริ่มการแนะนำให้สุนัขรู้จักลูกแมวด้วยการใส่สายจูงให้กับสุนัขเสมอ

หากสัตว์เลี้ยงของคุณมีปัญหาในการปรับตัวเข้าหากัน ควรพิจารณาจ้างผู้ฝึกสอนมืออาชีพมาช่วยบ้าง ผู้ฝึกสอนสามารถทำงานกับความต้องการเฉพาะของสัตว์เลี้ยงของคุณ เพื่อช่วยให้พวกมันสามารถปฏิสัมพันธ์กันได้อย่างปลอดภัย

6.เริ่มการดูแลขนตั้งแต่ยังเล็ก

การดูแลขนลูกแมวช่วยเสริมสุขภาพในระยะยาว และการเริ่มต้นดูแลขนตั้งแต่ลูกแมวยังเล็กจะช่วยให้มันชอบประสบการณ์นี้แทนที่จะรู้สึกกังวล ใช้แปรงที่อ่อนโยนในการแปรงขนเพื่อขจัดขนที่หลุดร่วงออกจากลูกแมว ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดก้อนขนและทำให้ผิวหนังและขนของลูกแมวสะอาด

7.ใช้เวลาในการสร้างความสัมพันธ์

สุดท้ายนี้ อย่าลืมว่าหนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดที่คุณสามารถทำได้ในฐานะเจ้าของลูกแมวมือใหม่คือการใช้เวลาในการสร้างความสัมพันธ์กับสมาชิกใหม่ในครอบครัวของคุณ การเล่นเกมไล่จับของเล่นหรือการนั่งกอดกันบนโซฟาเพื่อดูหนังจะช่วยสร้างความผูกพันที่ยาวนานระหว่างคุณกับลูกแมวของคุณ

________________________________________________________________________________________________________________

ที่ Wellness, เรารักการเห็นความสุขที่ลูกแมวมอบให้กับครอบครัว นั่นเป็นเหตุผลที่เราทำงานหนักเพื่อให้แน่ใจว่าอาหารทุกชนิดของเรามีคุณค่าทางโภชนาการและออกแบบมาเพื่อสนับสนุนสุขภาพระยะยาวของลูกแมวในขณะที่มันเติบโต อย่าลืมเตรียมอาหารและขนมที่ดีต่อสุขภาพสำหรับลูกแมวก่อนที่คุณจะนำเจ้าลูกแมวขนฟูของคุณกลับบ้าน และนำเคล็ดลับสำหรับเจ้าของลูกแมวมือใหม่ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ครับ

👉 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :
ทักแชท: m.me/wellnesspetfoodthailand
Website: https://www.wellnesspetfood.co.th/
.
🌟แชร์ชีวิตที่ดีร่วมกัน แชร์ WELLNESS อาหารสัตว์เลี้ยงที่แนะนำโดยสัตวแพทย์ 🌟

🛒 หาซื้อได้แล้ววันนี้ ที่ร้านเพ็ทช็อปชั้นนำทั่วไป

อาหารที่ดีที่สุดและมีคุณค่าทางโภชนาการสูงสุดสำหรับลูกสุนัขคืออะไร?

อาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูกสุนัขคืออะไร?

คุณต้องการให้อาหารที่ดีที่สุดแก่ลูกสุนัขตัวใหม่ของคุณ แต่แล้วอาหารที่ดีที่สุดและมีคุณค่าทางโภชนาการสูงสุดพร้อมการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์สำหรับลูกสุนัขที่ช่วยให้เติบโตและมีสุขภาพที่ดีนั้นคืออะไร?

เมื่อเทียบกับสุนัขโตเต็มวัย ลูกสุนัขต้องการโภชนาการที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อการเจริญเติบโต นั่นหมายความว่าอย่างไร? ฉันได้ถามผู้เชี่ยวชาญ – สัตวแพทย์จาก Wellness Pet Food, Dr. Danielle Bernal – ว่าคุณต้องทำอย่างไรเพื่อให้แน่ใจว่าคุณเลือกอาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูกสุนัข

________________________________________________________________________________________________________________

ก่อนอื่น ให้ตรวจสอบฉลาก

เช่นเดียวกับการเลือกซื้ออาหารสำหรับมื้อของคุณ ควรตรวจสอบฉลากอาหารสำหรับลูกสุนัขเสมอ

เมื่อคุณไปช้อปปิ้งเพื่อซื้ออาหาร, เบอร์นัลกล่าวว่าให้มองหาสิ่งต่อไปนี้บนฉลาก:

  • ขนาดพันธุ์ที่ระบุ: โภชนาการจะแตกต่างกันตามขนาดพันธุ์ของลูกสุนัข (เล็ก, กลาง และใหญ่) ดังนั้นแบรนด์ที่รองรับความต้องการของแต่ละขนาดเป็นสิ่งสำคัญในการปรับอาหารให้เหมาะสมกับลูกสุนัขแต่ละตัว
  • ผลิตและพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เพื่อสนับสนุนลูกสุนัข: ดังนั้นคุณจึงมั่นใจได้ว่าอาหารถูกออกแบบมาเพื่อการเติบโตและไม่ใช่เพื่อการรักษาน้ำหนัก เพราะสุนัขผู้ใหญ่มีความต้องการทางโภชนาการที่แตกต่างกัน
  • โภชนาการเพื่อสุขภาพร่างกายทั้งหมด: สูตรอาหารสำหรับลูกสุนัขออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการเติบโตและการพัฒนาอย่างมีสุขภาพดี แต่คุณยังต้องมั่นใจว่าโภชนาการของพวกมันช่วยให้ดูดีและรู้สึกดีที่สุด โดยการสนับสนุน 5 สัญญาณแห่งความเป็นอยู่ที่ดี: ผิวและขนที่สุขภาพดี, การย่อยอาหารที่เหมาะสม, พลังงานที่ดี, สุขภาพระบบภูมิคุ้มกัน และฟันและกระดูกที่แข็งแรง
  • คุณภาพของส่วนผสม: คุณต้องการเนื้อสัตว์สดเป็นอันดับแรก และอาหารเนื้อสัตว์ที่เข้มข้น ซึ่งเป็นส่วนผสมที่คุณสามารถรับรู้ได้
  • ส่วนผสมที่ควรหลีกเลี่ยง: ผลิตภัณฑ์พลอยได้, เนื้อสัตว์ที่ไม่ระบุชื่อ, สี, รสชาติ และสารกันบูดเทียม
  • คำแนะนำจากสัตวแพทย์: สัตวแพทย์เป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับหนึ่งเมื่อพูดถึงเรื่องสุนัข ดังนั้นหากรู้ว่าแบรนด์ได้รับคำแนะนำจากสัตวแพทย์ก็เป็นสัญญาณที่ดีว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ
  • ลูกสุนัขจะต้องการพลังงานมากขึ้น ดังนั้นคุณอาจเห็นว่าไขมันเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสุนัขผู้ใหญ่ และแหล่งที่ดีที่ควรมองหาคือไขมันจากสัตว์ เช่น ไขมันไก่ รวมถึงแหล่งที่อุดมไปด้วยโอเมก้า เช่น เมล็ดแฟลกซ์และน้ำมันปลา
  • เส้นใย, พรีไบโอติกส์ และโปรไบโอติกส์จะช่วยสนับสนุนสุขภาพการย่อยอาหาร ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับลูกสุนัขที่เริ่มฝึกขับถ่าย ดังนั้นอุจจาระที่แข็งและไม่บ่อยจะเป็นเรื่องที่ดี
  • วิตามินที่เพิ่มขึ้นเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน, กลูโคซามีนและคอนดรอยตินเพื่อการเติบโตของข้อต่อที่แข็งแรง และ DHA ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าทำให้ลูกสุนัขฉลาดขึ้นและฝึกได้ง่ายขึ้น

อาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูกสุนัขจะช่วยให้ลูกสุนัขของคุณมีความพร้อมในการใช้ชีวิต โดยอาศัยฐานของส่วนผสมที่มีคุณภาพดีที่สุด ตัวอย่างเช่น สูตรอาหาร Wellness CORE Puppy มีส่วนผสมที่มีเป้าหมายในการทำงานแต่ละอย่าง เช่น เนื้อสดเพื่อรสชาติและโปรตีน, DHA จากน้ำมันปลา ที่ช่วยให้ลูกสุนัขฉลาดขึ้นและฝึกได้ง่ายขึ้น รวมถึงส่วนผสมที่มีคุณภาพสูงและเต็มไปด้วยความสมบูรณ์และประโยชน์

โปรตีน, คุณภาพ, และปริมาณ:

เมื่อพูดถึงโปรตีนที่เหมาะสม เบอร์นัลกล่าวว่าให้เลือกทั้งคุณภาพและปริมาณ

ในเรื่องของคุณภาพ ให้มองหาโปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่ให้กรดอะมิโนที่ครบถ้วนและช่วยในการย่อยได้ง่าย ส่วนในเรื่องของปริมาณ Wellness ปรับปริมาณอาหารให้เหมาะสมกับการเติบโตที่ดี ดังนั้นจึงมีปริมาณที่สูงกว่าของอาหารสำหรับสุนัขโต แต่ปรับให้เหมาะสมกับขนาดพันธุ์ของลูกสุนัข

เวลาให้อาหาร:

คุณควรให้อาหารลูกสุนัขบ่อยแค่ไหน? ลูกสุนัขต้องการอาหารในปริมาณน้อยและบ่อย ในช่วงเดือนแรกๆ ของชีวิตลูกสุนัข พวกมันจะต้องการอาหารมื้อเล็กๆ ตลอดวัน ขณะที่พวกมันกำลังปรับตัวจากนมแม่มาเป็นอาหารแข็ง “เมื่ออายุประมาณสี่เดือน ลูกสุนัขสามารถเริ่มกินอาหารได้ประมาณสามมื้อต่อวัน” ดร.เบอร์นัลกล่าว “หลังจากนั้น ลูกสุนัขจะเริ่มกินสองมื้อต่อวัน การให้อาหารสามหรือสี่มื้อต่อวันจะช่วยให้ลูกสุนัขย่อยอาหารได้ง่ายขึ้นและรักษาระดับพลังงานให้อยู่ในระดับที่สม่ำเสมอ” สิ่งสำคัญคือต้องระมัดระวังไม่ให้อาหารมากเกินไป เพราะลูกสุนัขที่อ้วนเกินไปมีโอกาสที่จะเป็นสุนัขที่อ้วนเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่.

________________________________________________________________________________________________________________

อาหารลูกสุนัขที่ดีที่สุดคืออาหารเปียกหรืออาหารเม็ด?

คุณควรให้อาหารเปียกหรืออาหารเม็ดกับลูกสุนัขของคุณ? นี่ขึ้นอยู่กับความชอบของสุนัขแต่ละตัว (และเจ้าของ) แต่การผสมผสานระหว่างอาหารเปียกและอาหารเม็ดจะช่วยสนับสนุนสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี Bernal แนะนำดังนี้เมื่อคุณเลือกให้อาหารเม็ดหรืออาหารเปียก:

อาหารเม็ด: เป็นตัวเลือกที่สะดวกและคุ้มค่าที่สุดสำหรับเจ้าของสัตว์เลี้ยง เพราะสามารถทิ้งไว้ให้สุนัขกินได้ตามต้องการ อาหารแห้งเป็นแหล่งสารอาหารที่หนาแน่น ซึ่งมีส่วนผสมของอาหารที่มีคุณประโยชน์และการเสริมสุขภาพต่างๆ ที่ช่วยส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดี รวมถึงช่วยสนับสนุนสุขภาพฟันด้วยเนื้อสัมผัสที่กรอบ

อาหารเปียก: อาหารกระป๋องสำหรับลูกสุนัขจะมีความชื้นสูงถึง 75 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นมื้ออร่อยที่จะช่วยกระตุ้นให้ลูกสุนัขกินอาหารหรือเพียงแค่เพลิดเพลินกับมื้ออาหารของมัน แต่ยังเป็นแหล่งน้ำที่ดีอีกด้วย แบรนด์อาหารเปียกคุณภาพสูงควรมีส่วนผสมที่มีคุณภาพเดียวกับที่คุณพบในอาหารเม็ด ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนผสมของ “เนื้อ” ที่ไม่ระบุชื่อ ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ที่เป็นผลพลอยได้ น้ำตาล และส่วนผสมสังเคราะห์ที่มักพบในแบรนด์ที่ขายตามซูเปอร์มาร์เก็ต

👉 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :
ทักแชท: m.me/wellnesspetfoodthailand
Website: https://www.wellnesspetfood.co.th/
.
🌟แชร์ชีวิตที่ดีร่วมกัน แชร์ WELLNESS อาหารสัตว์เลี้ยงที่แนะนำโดยสัตวแพทย์ 🌟

🛒 หาซื้อได้แล้ววันนี้ ที่ร้านเพ็ทช็อปชั้นนำทั่วไป

สุดยอดคู่มือ: ควรให้อาหารสุนัขของคุณมากแค่ไหน

ควรให้อาหารเม็ดสุนัขปริมาณเท่าไหร่?

การให้อาหารสุนัขของคุณอย่างถูกต้องเป็นส่วนสำคัญของการเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยง อาหารที่เหมาะสมจะให้พลังงานที่สุนัขของคุณต้องการเพื่อใช้ชีวิตอย่างดีที่สุดและสนับสนุน 5 สัญญาณของสุขภาพที่ดี อย่างไรก็ตาม การหาว่าควรให้อาหารสุนัขของคุณมากแค่ไหนอาจทำให้รู้สึกสับสน มีอาหารหลายประเภทในตลาดและสุนัขแต่ละตัวก็มีความต้องการที่แตกต่างกันไป อ่านต่อเพื่อดูเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณสามารถจัดการกับความท้าทายนี้และหาว่าอาหารแบบไหนที่เหมาะสมสำหรับสัตว์เลี้ยงที่คุณรัก.

________________________________________________________________________________________________________________

การเลือกอาหาร

อันดับแรก คุณจะต้องเริ่มต้นด้วยการเลือกอาหารที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของสุนัขของคุณ คุณสามารถหาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับอายุ ขนาด น้ำหนัก สารก่อภูมิแพ้ และความต้องการอื่น ๆ ของสุนัขได้ เลือกแบรนด์ที่มีคุณภาพและส่วนผสมที่ยอดเยี่ยม สำหรับคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกอาหาร ดูบทความของเราเกี่ยวกับการเลือกอาหารเม็ดที่ดีที่สุดสำหรับสุนัขของคุณ.

ตรวจสอบฉลาก

อาหารคุณภาพดีจะมีแนวทางการให้อาหารในฉลาก ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แนวทางเหล่านี้จะมีคำแนะนำที่แตกต่างกันตามอายุและขนาดของสุนัข โดยอาจแนะนำปริมาณอาหารที่ควรให้อาหารต่อวันหรือปริมาณที่ควรให้ในแต่ละครั้ง แม้ว่าแนวทางเหล่านี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่ก็ต้องจำไว้ว่ามันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น สุนัขแต่ละตัวมีความเป็นเอกลักษณ์ หากคุณสังเกตเห็นว่าสุนัขของคุณมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นจากการให้อาหารตามคำแนะนำ ให้ลองลดปริมาณลง 10% หากเห็นผลตรงกันข้ามและสุนัขของคุณมีน้ำหนักลดลง ให้ลองเพิ่มปริมาณขึ้น 10% และติดตามผลอย่างต่อเนื่อง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณกำลังตรวจสุขภาพสุนัขของคุณอย่างสม่ำเสมอเพื่อติดตามน้ำหนักและตรวจหาปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อการเพิ่มหรือลดน้ำหนัก สัตวแพทย์ของคุณอาจมีคำแนะนำในการปรับสัดส่วนการให้อาหารได้ด้วย.

พิจารณาอายุ

หากสุนัขของคุณเป็นลูกสุนัข คุณต้องจำไว้ว่าพวกมันกำลังเติบโตตลอดเวลา! คุณจะต้องติดตามการเจริญเติบโตและปรับปริมาณอาหารตามความจำเป็น เมื่อสุนัขของคุณโตขึ้น คุณอาจพิจารณาการเปลี่ยนประเภทอาหารที่ให้เพื่อรองรับความต้องการด้านโภชนาการที่เปลี่ยนแปลงไป อาหารสำหรับช่วงชีวิตที่แตกต่างกันสามารถช่วยรองรับความต้องการด้านโภชนาการที่เปลี่ยนแปลงของสุนัขเมื่อพวกมันโตและพัฒนา สุนัขที่อายุมากอาจต้องการแคลอรี่ที่น้อยลง แต่สุนัขที่สูงวัยอาจต้องการสารอาหารและแคลอรี่เพิ่มเติมเนื่องจากกระบวนการชราตามธรรมชาติ.

ภาพรวมทั้งหมด

พิจารณาภาพรวมทั้งหมดเมื่อคุณคำนวณความต้องการอาหารของสุนัขของคุณ การรับประทานอาหารของสุนัขอาจรวมถึงมากกว่ามื้ออาหารปกติของพวกมัน ตัวอย่างเช่น พวกมันทานอาหารเปียกและอาหารเม็ดร่วมกันหรือไม่? พวกมันได้รับขนมเป็นประจำหรือไม่? คุณจะต้องพิจารณาทั้งหมดที่เกี่ยวกับการบริโภคแคลอรี่ของสุนัขเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและการสนับสนุนทางโภชนาการที่เหมาะสม.

การรวมอาหารหลากหลายประเภท

หากคุณเลือกที่จะรวมอาหารเปียกและอาหารเม็ดเข้าด้วยกัน ให้แน่ใจว่าทั้งสองประเภทเป็นอาหารที่สมบูรณ์และมีความสมดุล หากเป็นเช่นนั้น คุณสามารถใช้ร่วมกันในการคำนวณปริมาณอาหารทั้งหมดที่สุนัขของคุณควรได้รับในแต่ละวันได้อย่างแม่นยำ ตัวอย่างเช่น หากสุนัขของคุณมีน้ำหนักตัวที่ดีและคุณตัดสินใจเปลี่ยนแปลง 20% ของแคลอรี่ทั้งหมดของสุนัขให้เป็นอาหารเปียก คุณควรลดปริมาณอาหารเม็ดที่ให้สุนัขไป 20% เพื่อรักษาน้ำหนักให้คงที่ ตรวจสอบฉลากของอาหารเปียกสำหรับคำแนะนำในการให้อาหาร ส่วนใหญ่จะมีคำแนะนำเกี่ยวกับปริมาณอาหารที่เหมาะสมและอัตราส่วนในการให้อาหาร พวกเขาอาจมีการแปลงที่ระบุว่าอาหารเปียก 1 กระป๋องสามารถแทนที่อาหารเม็ดของแบรนด์นี้ได้เท่าใด แต่ต้องจำไว้ว่าการแปลงนี้มักจะไม่สามารถใช้ข้ามแบรนด์ได้ เพราะแต่ละแบรนด์มีความเฉพาะตัว อาหารส่วนใหญ่ของสุนัขของคุณควรประกอบด้วยอาหารที่สมบูรณ์และสมดุล (อีกครั้ง, ตรวจสอบฉลาก!) ขนม, ผสม, และท็อปเปอร์สามารถให้ได้ แต่ไม่ควรเกิน 10% ของการบริโภคในแต่ละวัน อย่าลืมที่จะพิจารณาส่วนเหล่านี้เมื่อคำนวณแคลอรี่รวมของสุนัขของคุณ.

คุณควรให้อาหารสุนัขบ่อยแค่ไหน?

เมื่อคุณได้ตัดสินใจแล้วว่าควรให้อาหารสุนัขมากน้อยแค่ไหนในแต่ละวัน คุณอาจสงสัยว่าจะแบ่งอาหารออกเป็นจำนวนครั้งในแต่ละวันอย่างไร การให้อาหารบ่อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับทั้งคุณและสุนัขของคุณ ตัวอย่างเช่น ความสะดวกเป็นปัจจัยหนึ่งหรือไม่? คุณต้องการให้สุนัขของคุณกินอาหารพร้อมกับคุณเพื่อไม่ให้มันมาขออาหารขณะทานอาหารหรือเปล่า? หรือคุณอยากให้อาหารมันเมื่อคุณออกไปทำงานเพื่อช่วยลดความเครียดจากการแยกจากกัน? สุนัขบางตัวอาจกินอาหารน้อย แต่หลายมื้อในแต่ละวัน ขณะที่บางตัวอาจจะได้รับอาหารทั้งหมดในครั้งเดียวและกินระหว่างวันตามปกติ วิธีที่ดีที่สุดสำหรับคุณและสุนัขของคุณน่าจะเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด ตราบใดที่พวกมันได้รับปริมาณอาหารที่เหมาะสมตามที่คุณได้ตัดสินใจไว้.

ตัวอย่างปริมาณการให้อาหาร Wellness CORE สูตร Puppy ในแต่ละวัน
ตัวอย่างปริมาณการให้อาหาร Wellness CORE สูตร Original ในแต่ละวัน
ตัวอย่างปริมาณการให้อาหาร Wellness CORE สูตร Small Breed ในแต่ละวัน
ตัวอย่างปริมาณการให้อาหาร Wellness CORE สูตร Ocean ในแต่ละวัน
ตัวอย่างปริมาณการให้อาหาร Wellness CORE สูตร Healthy Weight ในแต่ละวัน
ตัวอย่างปริมาณการให้อาหาร Wellness CORE สูตร Age Advantage ในแต่ละวัน

👉 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :
ทักแชท: m.me/wellnesspetfoodthailand
Website: https://www.wellnesspetfood.co.th/
.
🌟แชร์ชีวิตที่ดีร่วมกัน แชร์ WELLNESS อาหารสัตว์เลี้ยงที่แนะนำโดยสัตวแพทย์ 🌟

🛒 หาซื้อได้แล้ววันนี้ ที่ร้านเพ็ทช็อปชั้นนำทั่วไป

5 สัญญาณที่บ่งบอกว่าสุนัขของคุณเป็นสุนัขสูงอายุ

When is a dog considered senior?

ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสุนัข การแก่ชราก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เช่นเดียวกับการล่องเรือและการเล่นบิงโก ปีทองของคนมักจะมีอาการข้อเจ็บ ปรึกษาหมอมากขึ้น และความต้องการด้านอาหารที่เปลี่ยนไป สำหรับสุนัขก็ไม่ต่างกัน เมื่อสุนัขเข้าสู่ช่วงอายุสูง เจ้าของต้องปรับเปลี่ยนอาหารและดูแลความต้องการด้านสุขภาพที่เปลี่ยนแปลงไปตามวัยของพวกมัน.

แต่เมื่อไหร่ที่สุนัขถือว่าเป็นสุนัขสูงอายุ? สุนัขมีการแก่ชราที่แตกต่างกันออกไป และสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์สีดำที่อายุ 10 ปีของคุณอาจจะยังคงเต็มไปด้วยพลังเหมือนเดิม การที่สุนัขเริ่มแก่ขึ้นไม่ได้หมายความว่ามันใกล้จะถึงช่วงสุดท้ายของชีวิต แต่การทำการเปลี่ยนแปลงบางอย่างจะช่วยยืดอายุขัยของมันได้แน่นอน ลองตรวจสอบ 5 สัญญาณต่อไปนี้เพื่อพิจารณาว่าถึงเวลาที่จะทำการปรับเปลี่ยนบางอย่างแล้วหรือยัง.

________________________________________________________________________________________________________________

1.อายุ

ถามตัวเองว่า “เมื่อไหร่ที่สุนัขของฉันถือว่าเป็นสุนัขสูงอายุ?” ปัจจัยแรกที่คุณจะคิดถึงแน่นอนคืออายุ ชีวิตของสุนัขแบ่งออกเป็นสามช่วงหลัก: ลูกสุนัข, สุนัขโต, และสุนัขสูงอายุ เมื่อสุนัขโตเต็มที่เข้าสู่ช่วงสูงอายุจะขึ้นอยู่กับพันธุ์ของมัน สุนัขพันธุ์เล็กมักมีอายุยืนยาวกว่าสุนัขพันธุ์ใหญ่และจะไม่ถือว่าเป็นสุนัขสูงอายุจนกว่าจะมีอายุประมาณ 9 ปี ขณะที่พันธุ์ขนาดกลางจะถือว่าเป็นสุนัขสูงอายุเมื่อมีอายุ 7 ปี พันธุ์ใหญ่ เช่น เบอร์นีส เมาท์เทน ด็อก และเกรต เดนส์ จะถือเป็นสุนัขสูงอายุได้ตั้งแต่อายุ 5 ถึง 6 ปี.

2.ความอยากอาหาร

เมื่อสุนัขเริ่มแก่ขึ้น ความอยากอาหารของพวกมันจะลดลง การที่ฟิโดไม่ทานอาหารจนหมดถ้วยอย่างที่เคยอาจทำให้รู้สึกตกใจ เพราะการลดความอยากอาหารมักบ่งบอกถึงการเจ็บป่วย แต่การที่สุนัขสูงอายุทานอาหารน้อยลงถือเป็นเรื่องปกติ สุนัขสูงอายุมีการเผาผลาญช้าลงและใช้พลังงานน้อยลง ดังนั้นพวกมันจะไม่ต้องการอาหารมากเท่าที่เคย เมื่อความอยากอาหารลดลง สุนัขมักจะมีน้ำหนักลดลงเมื่อเข้าสู่ช่วงอายุสูง.

3.ความอ่อนล้า

เมื่อการเผาผลาญช้าลง สุนัขที่สูงอายุก็จะรู้สึกอ่อนล้ามากขึ้น พวกมันยังคงสนใจเวลาเล่นอยู่ แต่ความทนทานของพวกมันจะไม่เหมือนตอนที่ยังหนุ่มสาว สุนัขสูงอายุจะนอนหลับบ่อย ๆ ด้วย! สุนัขสูงอายุอาจจะนอนหลับตั้งแต่ 15 ถึง 20 ชั่วโมงต่อวัน.

4.ความสมดุล

เหมือนกับคน การแก่ชราของสุนัขทำให้กระดูกเจ็บและอาจเกิดความไม่สมดุลได้ สุนัขที่สูงอายุทานอาหารน้อยลงและสูญเสียมวลกล้ามเนื้อไปบางส่วน ดังนั้นพวกมันจึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน ปัญหาความสมดุลถือเป็นเรื่องปกติสำหรับสุนัขสูงอายุ คุณอาจต้องช่วยสุนัขสูงอายุของคุณขึ้นรถ หรือคอยระวังขณะที่มันเดินลงบันได.

5.ความจำ

สมองของสุนัขของคุณกำลังแก่ชราตามร่างกายของมัน ดังนั้นการที่สุนัขสูงอายุจะมีอาการหลงลืมบ้างจึงไม่ใช่เรื่องแปลก สุนัขของคุณอาจดูงุนงงหรือหลงลืมบ้างเป็นครั้งคราว คุณอาจเห็นการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมเมื่อสุนัขของคุณสูงอายุ เช่น ความหงุดหงิดที่เพิ่มขึ้น (โดยเฉพาะเมื่อเล่นกับลูกสุนัขหรือสุนัขที่มีพลังเยอะ) หรือความวิตกกังวล อย่างไรก็ตาม สุนัขไม่ว่าจะอายุเท่าใดก็ยังสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้ แม้ว่าจะมีความเชื่อผิด ๆ ว่าไม่สามารถสอนลูกสุนัขแก่ ๆ ให้ทำสิ่งใหม่ ๆ ได้.

อาหารสุนัข Wellness CORE สูตร Age Advantage เหมาะกับสุนัขที่แก่ชรา มี Omega 3 และ 6 ที่เหมาะสม และยังมีกลูโคซามีนกับคอนดอยตินที่ช่วยเรื่องไขข้ออีกด้วย

________________________________________________________________________________________________________________

หากสุนัขของคุณมีอาการใด ๆ ตามที่กล่าวมาข้างต้น จำไว้ว่าการแก่ชราคือส่วนหนึ่งของชีวิต สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เจ้าของสุนัขสามารถทำได้คือการปรึกษาสัตวแพทย์และทำการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย ลงทุนซื้อที่นอนที่สะดวกสบายเป็นพิเศษสำหรับสุนัขที่มีอาการปวดข้อ ฝึกฝนความอดทนหากสุนัขของคุณดูเหมือนไม่ค่อยเล่นหรือดูสับสน และที่สำคัญที่สุดคือเริ่มซื้ออาหารที่เหมาะสมกับอายุของสุนัข.

อาหารสุนัขแบรนด์ Wellness มีอาหารสำหรับสุนัขสูงอายุที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของสุนัขของคุณ อาหารคุณภาพสูงสำหรับสุนัขสูงอายุควรมีแคลอรี่น้อยลง (เพื่อช่วยในการเผาผลาญที่ช้าลง) มีไฟเบอร์สูง (เพื่อช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ปกติ) และเต็มไปด้วยส่วนผสมที่ดีต่อสุขภาพเพื่อช่วยให้ร่างกาย (และสมอง) ของสุนัขแข็งแรง แม้ว่าคุณจะไม่สามารถหยุดกระบวนการแก่ชราได้ แต่การให้อาหารที่เหมาะสมกับสุนัขสูงอายุสามารถช่วยให้สุนัขของคุณมีชีวิตที่ยาวนานและมีความสุข มีตัวเลือกอาหารสำหรับสุนัขสูงอายุหลายตัวเลือก รวมถึง CORE Age Advantage ลองใช้เวลาสักครู่เพื่อตัดสินใจว่าอาหารสำหรับสุนัขสูงอายุแบบไหนที่ดีที่สุดสำหรับเพื่อนขนฟูของคุณ.

👉 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :
ทักแชท: m.me/wellnesspetfoodthailand
Website: https://www.wellnesspetfood.co.th/
.
🌟แชร์ชีวิตที่ดีร่วมกัน แชร์ WELLNESS อาหารสัตว์เลี้ยงที่แนะนำโดยสัตวแพทย์ 🌟

🛒 หาซื้อได้แล้ววันนี้ ที่ร้านเพ็ทช็อปชั้นนำทั่วไป

เมื่อใดควรใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับผิวหนังและขน

สุขภาพและลักษณะของผิวหนังและขนของสุนัขเป็นตัวบ่งชี้สำคัญถึงความเป็นอยู่ที่ดีโดยรวมของพวกมัน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความแห้งกร้าน คัน ความหมองคล้ำ หรือการหลุดร่วงของขนมากเกินไป มักจะมีผลกระทบต่อสภาพผิวหนังและขนของสุนัข ในกรณีเหล่านี้ การใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับผิวหนังและขนอาจเป็นการเสริมที่มีประโยชน์ในกิจวัตรของพวกมัน! ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเหล่านี้ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อให้สารอาหารที่จำเป็น เช่น กรดไขมันโอเมก้าและวิตามิน ซึ่งส่งเสริมขนที่สุขภาพดี บำรุงผิวหนัง และช่วยแก้ไขปัญหาผิวหนังต่าง ๆ โดยการเพิ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับผิวหนังและขนที่มีคุณภาพสูง เช่น Wellness Shine Skin & Coat Support Chews ในกิจวัตรประจำวัน เจ้าของสัตว์เลี้ยงสามารถช่วยเพื่อนขนฟูของพวกเขาให้มีขนที่เงางามและสุขภาพดี พร้อมทั้งรักษาสุขภาพผิวหนังให้ดีที่สุด นี่คือลักษณะบางประการที่อาจแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับผิวหนังและขน:

1.ขนแห้งหรือหมองคล้ำ: หากสุนัขของคุณมีขนแห้งหรือหมองคล้ำ ขั้นแรกให้มั่นใจว่าคุณให้อาหารที่มีโปรตีนคุณภาพสูง เช่น อาหารเม็ดสำหรับสุนัขจาก Wellness® จากนั้นเพื่อการสนับสนุนเพิ่มเติม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับผิวหนังและขนสามารถช่วยปรับปรุงสุขภาพและลักษณะของขนโดยรวม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับสุนัขและแมวมักมีกรดไขมันที่จำเป็น เช่น กรดไขมันโอเมกา-3 และโอเมกา-6 ที่ช่วยส่งเสริมผิวหนังที่มีสุขภาพดีและขนที่เงางาม Wellness Shine ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับผิวหนังและขนมีกรดไขมันที่ได้จากน้ำมันปลาและเมล็ดแฟลกซ์.

อาหารสุนัข Wellness CORE สูตร Ocean ซึ่งมี Omega 3 และ 6 สูง ซึ่งจะช่วยบำรุงผิวหนังและขนได้ดี

2.ผิวหนังคันหรือระคายเคือง: สัตว์เลี้ยงที่มีอาการคัน แดง หรือระคายเคืองที่ผิวหนังอาจได้รับประโยชน์จากการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมวิตามินสำหรับสัตว์เลี้ยง ส่วนผสมอย่างน้ำมันปลา น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ หรือแหล่งอื่น ๆ ของกรดไขมันโอเมกา-3 สามารถช่วยลดการอักเสบ ลดอาการคันและระคายเคือง และปรับปรุงสุขภาพผิวหนังโดยรวม.

3.ภูมิแพ้ตามฤดูกาลหรือจากสิ่งแวดล้อม: สัตว์เลี้ยงบางตัวอาจพัฒนาอาการภูมิแพ้จากปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมบางอย่าง เช่น เกสรดอกไม้ ไรฝุ่น หรืออาหารบางชนิด ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับผิวหนังและขนที่มีส่วนผสมอย่างสารต้านอนุมูลอิสระ, โพรไบโอติกส์, วิตามิน และแร่ธาตุสามารถช่วยสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกันและบรรเทาผลกระทบจากภูมิแพ้ต่อผิวหนังและขน โพรไบโอติกส์คือแบคทีเรียที่มีประโยชน์ซึ่งช่วยส่งเสริมสุขภาพของจุลชีพในลำไส้ จุลชีพในลำไส้ที่สมดุลมีความสำคัญต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่เหมาะสม และยังช่วยปรับปรุงสุขภาพผิวโดยการลดการอักเสบ โพรไบโอติกส์ที่รวมอยู่ใน Wellness Shine Skin & Coat Support Chews ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับสุนัข และสามารถช่วยสนับสนุนความเป็นอยู่โดยรวมของพวกมัน รวมถึงสุขภาพผิวด้วย.

4.การหลุดร่วงของขนมากเกินไป: หากการหลุดร่วงของขนของสัตว์เลี้ยงของคุณมากเกินไปหรือสังเกตเห็นได้ชัดเจนกว่าปกติ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับผิวหนังและขนสามารถช่วยส่งเสริมขนที่มีสุขภาพดีขึ้นและลดการหลุดร่วงของขน Wellness Shine Support Chews มีส่วนผสมอย่างไบโอติน สังกะสี และกรดไขมันโอเมก้า ซึ่งสามารถช่วยสนับสนุนการเจริญเติบโตของขนและลดการหลุดร่วงของขนมากเกินไป ไบโอตินเป็นวิตามินบีที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาผิวหนังและขนให้มีสุขภาพดี มันช่วยสนับสนุนการเจริญเติบโตของเส้นขนและเล็บ และช่วยป้องกันความแห้งกร้านและอาการคัน ไบโอตินมักถูกแนะนำสำหรับสุนัขที่มีปัญหาผิวหนังและรวมอยู่ใน Wellness Shine ด้วย.

5.โรคผิวหนังอักเสบหรือปัญหาผิวหนัง: สัตว์เลี้ยงที่มีอาการโรคผิวหนังอักเสบหรือปัญหาผิวหนังเฉพาะอาจได้รับประโยชน์จากการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับผิวหนังและขน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเหล่านี้สามารถใช้ร่วมกับการรักษาด้วยยาเพื่อปรับปรุงการทำงานของเกราะผิวหนัง ลดการอักเสบ และสนับสนุนกระบวนการรักษา สังกะสีช่วยสนับสนุนความสมบูรณ์และโครงสร้างของผิวหนัง มันมีบทบาทในการสร้างและรักษาชั้นนอกของผิวหนัง ซึ่งเรียกว่าผิวหนังชั้นหนังแท้ (epidermis) การขาดสังกะสีสามารถนำไปสู่ปัญหาผิวหนัง เช่น ความแห้งกร้าน การลอกเป็นขุย และการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น สังกะสียังมีส่วนในการกระบวนการสมานแผล ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลล์และการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาผิวหนัง.

6.สัตว์เลี้ยงที่มีอายุมากขึ้น: เมื่อสัตว์เลี้ยงเริ่มแก่ลง พวกมันอาจพบการเปลี่ยนแปลงในผิวหนังและขน เช่น ขนบางลงหรือแห้งกร้าน ตามที่กล่าวถึงแล้ว กรดไขมันโอเมกา-3 และโอเมกา-6 มีความสำคัญในการรักษาผิวหนังและขนให้มีสุขภาพดี แต่เมื่อสุนัขแก่ลง ร่างกายของพวกมันอาจผลิตกรดไขมันเหล่านี้ได้น้อยลงตามธรรมชาติ การเสริมอาหารด้วยกรดไขมันที่จำเป็นในสัตว์เลี้ยงที่มีอายุมากขึ้นสามารถช่วยลดอาการแห้งกร้าน คัน และการอักเสบ สุนัขที่มีอายุมากยังอาจพบกับการเพิ่มขึ้นของความเครียดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจส่งผลต่อความเสียหายของผิวหนัง สารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินอีและวิตามินซี รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติอื่น ๆ เช่น ที่พบในยีสต์เบียร์ สามารถช่วยต่อสู้กับอนุมูลอิสระและสนับสนุนสุขภาพผิวหนัง Wellness Shine สามารถให้การสนับสนุนและบำรุงผิวหนังและขนที่แก่ลงของพวกมันได้.

อาหารสุนัข Wellness CORE สูตร Age Advantage เหมาะกับสุนัขที่แก่ชรา มี Omega 3 และ 6 ที่เหมาะสม และยังมีกลูโคซามีนกับคอนดอยตินที่ช่วยเรื่องไขข้ออีกด้วย

สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ แม้ว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับผิวหนังและขนจะมีประโยชน์ แต่ไม่ควรทดแทนการดูแลจากสัตวแพทย์ หากสัตว์เลี้ยงของคุณมีปัญหาผิวหนังที่รุนแรง ควรปรึกษาสัตวแพทย์ พวกเขาสามารถประเมินความต้องการเฉพาะของสัตว์เลี้ยงของคุณและแนะนำแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด.

👉 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :
ทักแชท: m.me/wellnesspetfoodthailand
Website: https://www.wellnesspetfood.co.th/
.
🌟แชร์ชีวิตที่ดีร่วมกัน แชร์ WELLNESS อาหารสัตว์เลี้ยงที่แนะนำโดยสัตวแพทย์ 🌟

🛒 หาซื้อได้แล้ววันนี้ ที่ร้านเพ็ทช็อปชั้นนำทั่วไป

คำแนะนำโดยสัตวแพทย์

คำแนะนำโดยสัตวแพทย์ คืออะไร?

ในฐานะเจ้าของสัตว์เลี้ยง เราต้องการสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเพื่อนขนฟูของเรา เนื่องจากเราให้ความเคารพในความคิดเห็นทางวิชาชีพของสัตวแพทย์ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะดึงดูดไปยังอาหารที่มีคำว่า “แนะนำโดยสัตวแพทย์” แสดงอยู่ แต่คำแถลงนี้หมายความว่าอย่างไร? ตามที่สมาคมผู้ควบคุมการให้อาหารของอเมริกา (AAFCO) กล่าวว่า แบรนด์สามารถใช้คำแถลงนี้ได้หากได้ทำการสำรวจทางสถิติที่มีความน่าเชื่อถือจากสัตวแพทย์อย่างน้อย 300 คน และต้องมีสัตวแพทย์จำนวนหนึ่งที่แนะนำผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ในที่ Wellness ความสำคัญของเราคือการใช้ส่วนผสมที่ดีที่สุดสำหรับอาหารสัตว์ที่ตรงกับอาหารที่แนะนำโดยสัตวแพทย์ รวมทั้งปฏิบัติตามข้อกำหนดของ AAFCO.

เราทำการวิจัยอย่างละเอียดและแบ่งปันประสบการณ์เพื่อหาที่นอนที่สะดวกสบายที่สุด ช่างแต่งตัวที่ให้บริการตัดขนที่ดีที่สุด และของเล่นที่สนุกที่สุด ในการตัดสินใจเหล่านี้ การเลือกอาหารสัตว์ที่เหมาะสมถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุด อย่างไรก็ตาม ตัวเลือกอาหารสัตว์ที่มีในปัจจุบันนั้นหลากหลายจนทำให้เรารู้สึกสับสน ฉลากและการโฆษณาก็ยิ่งเพิ่มความยุ่งยากเข้าไปอีก เพราะทุกแบรนด์ต่างอ้างว่าเสนออาหารที่ดีที่สุดหรือวิธีการให้อาหารที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสัตว์เลี้ยงของเรา ด้วยจำนวนอาหารสำหรับลูกสุนัขและลูกแมวที่มีอยู่มากมายในตลาดในปัจจุบัน จึงไม่แปลกใจที่เรามักจะรู้สึกท่วมท้น สัตวแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสัตว์ สามารถช่วยเราในการหาคำตอบได้ พวกเขาสามารถช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและมุ่งเน้นไปที่สิ่งสำคัญเมื่อเลือกอาหารที่ดีที่สุดสำหรับสัตว์เลี้ยงของเรา.

สัตวแพทย์เลือกอาหารสัตว์อย่างไร?

World Small Animal Veterinary Alliance (WSAVA) ซึ่งเป็นชุมชนระดับโลกของสัตวแพทย์กว่า 200,000 คนทั่วโลก ได้จัดทำชุดแนวทางเพื่อช่วยเจ้าของสัตว์เลี้ยงเลือกอาหารสัตว์ที่ได้รับการรับรองจาก AAFCO สำหรับสุนัขหรือแมวของพวกเขา นี่คือบางสิ่งที่สำคัญที่ควรมองหาในอาหารสัตว์จากมุมมองของสัตวแพทย์:

ใครเป็นผู้กำหนดสูตรอาหาร/บริษัทอาหารสัตว์มีการจ้างนักโภชนาการที่มีคุณสมบัติหรือไม่?

การรับประกันว่าสัตว์เลี้ยงได้รับโภชนาการที่เหมาะสมตลอดชีวิตเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะพวกมันมักพึ่งพาอาหารไม่กี่ชนิดในการตอบสนองความต้องการทางโภชนาการ ดังนั้นจึงจำเป็นที่อาหารเหล่านี้จะต้องถูกออกแบบอย่างรอบคอบและได้รับการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องจากผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ผู้ที่กำหนดสูตรอาหารที่มีคุณสมบัติ โดยมีปริญญา (MS/PhD) ในสาขาวิทยาศาสตร์อาหารหรือโภชนาการสัตว์ จะนำความเชี่ยวชาญที่จำเป็นมาสู่กระบวนการนี้ ความรู้ที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับวัตถุดิบและกระบวนการผลิตของพวกเขาจะช่วยให้การกำหนดสูตรอาหารมีจุดมุ่งหมาย ไม่ว่าจะเป็นการรักษาน้ำหนักสำหรับสัตว์เลี้ยงโต การเจริญเติบโตของลูกสุนัขหรือลูกแมว หรือความต้องการเฉพาะอื่นๆ เช่น สุขภาพระบบย่อยอาหาร การทำงานร่วมกับนักโภชนาการที่มีคุณสมบัติเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันสำหรับแบรนด์เหล่านี้ นักโภชนาการเหล่านี้อาจเป็นสัตวแพทย์ที่มีคุณสมบัติ เช่น Diplomate of the American College of Veterinary Nutrition (ก่อนหน้านี้คือ ACVN ปัจจุบันคือ ACVIM (Nutrition)) หรือ European College of Veterinary and Comparative Nutrition (ECVCN) หรือ นักโภชนาการสัตว์ที่มีปริญญาเอก พวกเขาทำงานร่วมกับผู้กำหนดสูตรอาหารเพื่อให้แน่ใจว่าโปรไฟล์สารอาหารและส่วนผสมที่ทำงานได้เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับอาหารที่มีวัตถุประสงค์ทางการรักษา.

กระบวนการควบคุมคุณภาพสำหรับส่วนผสมและผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปคืออะไร?

การมีขั้นตอนควบคุมคุณภาพที่ดีสำหรับส่วนผสม การผลิต และผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปเป็นสิ่งสำคัญสำหรับแบรนด์อาหารสัตว์ ส่วนผสมต้องตรงตามสเปคที่แม่นยำซึ่งสอดคล้องกับสูตรอาหาร ซึ่งจำเป็นต้องมีการตรวจสอบจากทั้งแบรนด์และผู้จัดหาสินค้าในกระบวนการจัดซื้อ เราใช้เฉพาะส่วนผสมที่ดีที่สุดที่จะส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของสัตว์เลี้ยง รักษาพลังงานของพวกมัน และช่วยให้พวกมันมีสุขภาพที่ดีอย่างทั่วถึง รสชาติเทียม สารกันบูด และสารเคมีอื่น ๆ จะไม่มีในอาหารของเรา แทนที่เราจะเลือกส่วนผสมที่แท้จริงจำนวนไม่มาก ที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่สัตว์เลี้ยงของคุณต้องการเพื่อให้เติบโตแข็งแรง กระบวนการเลือกส่วนผสมของเราเข้มงวด ไม่มีการประนีประนอม และละเอียดถี่ถ้วน เราเชื่อในอาหารที่ปลอดภัย เราเชื่อในอาหารที่คุณสามารถไว้วางใจได้ ความหลงใหลของเราคือการให้โภชนาการที่ไม่ประนีประนอมแก่สัตว์เลี้ยงที่พึ่งพาเรา นั่นหมายความว่าเราจะเลือกเฉพาะผู้จัดหาสินค้าที่มีชื่อเสียง เชื่อถือได้ และสามารถจัดหาส่วนผสมที่ยอดเยี่ยมให้กับเราได้ เราตรวจสอบผู้จัดหาทุกคนและทดสอบทุกส่วนผสมเพื่อให้แน่ใจว่ามันดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้.

การวิจัยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือการศึกษาโภชนาการประเภทใดที่ได้รับการดำเนินการ? มีการเผยแพร่ในวารสารที่ผ่านการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญหรือไม่?

ถึงแม้ว่าการทำการวิจัยเกี่ยวกับสูตรอาหารจะไม่จำเป็นสำหรับบริษัทผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ แต่ก็เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม การทำการวิจัย เช่น การศึกษาเกี่ยวกับการย่อยอาหารและประสิทธิภาพ เพื่อให้มั่นใจว่าสูตรอาหารทำงานได้ในระดับสูงสุด แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ที่มีต่อผลิตภัณฑ์ของตน นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มพูนความรู้ในด้านโภชนาการสัตว์ ซึ่งสามารถเป็นประโยชน์ต่อสัตว์เลี้ยงทุกตัว.

ที่บริษัท Wellness Pet เราเชื่อว่าประสบการณ์การให้อาหารควรเป็นเรื่องสนุกสนาน ในขณะเดียวกันก็ต้องมอบโภชนาการที่เหมาะสมที่สุด นั่นคือเหตุผลที่อาหารสัตว์ทุกชนิดที่เราผลิตต้องตรงตามมาตรฐานของรัฐบาลกลาง (FDA) และมาตรฐานของรัฐก่อนที่จะถึงชามอาหารของสัตว์เลี้ยงของคุณ ที่ Wellness เรามองว่ามาตรฐานอุตสาหกรรมเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ไม่เพียงแต่อาหารสำหรับสุนัขและแมวของเราทุกชนิดที่มีความสมบูรณ์และสมดุลต้องตรงตามมาตรฐานเหล่านี้ แต่ส่วนใหญ่ยังเกินกว่ามาตรฐานเหล่านี้โดยสมัครใจ โดยปฏิบัติตามแนวทางของสมาคมผู้ควบคุมการให้อาหารของอเมริกา (AAFCO) ซึ่งสนับสนุนให้บริษัทอาหารสัตว์ทำการทดลองให้อาหารเพื่อให้มั่นใจว่าอาหารที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีสำหรับสัตว์เลี้ยง เราทำทั้งหมดนี้สำหรับสูตรอาหารเม็ดของ Wellness CORE เพื่อมอบโภชนาการที่ดีที่สุดสำหรับสัตว์เลี้ยงและเพื่อให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงมั่นใจว่าพวกเขากำลังกินอาหารที่มีคุณภาพสูงสุดให้กับสัตว์เลี้ยงของพวกเขา.

ประสบการณ์ทางคลินิกโดยตรง

สัตวแพทย์มีประสบการณ์ทางคลินิกที่มีค่าในการสังเกตผลกระทบจากแบรนด์อาหารสัตว์ต่างๆ ที่มีต่อสัตว์หลากหลายประเภท ความรู้นี้ช่วยให้พวกเขาสามารถให้มุมมองทางคลินิกและแนะนำแบรนด์ที่สนับสนุน 5 สัญญาณของความเป็นอยู่ที่ดี™ ในสัตว์เลี้ยง ซึ่งหมายความว่าสัตวแพทย์จะมองหาอาหารที่ให้พลังงานที่เหมาะสมแก่สัตว์เลี้ยงเพื่อรองรับการเล่นและกิจกรรมที่ดีต่อสุขภาพ อาหารควรย่อยง่ายและมีส่วนผสมที่ช่วยสนับสนุนการย่อยอาหารและการขับถ่ายที่ดี ขนของสัตว์เลี้ยงควรเงางามและมีสุขภาพดีจากกรดไขมันที่จำเป็นที่อาหารให้มา อาหารควรมีปริมาณและอัตราส่วนของแร่ธาตุที่เหมาะสมเพื่อสนับสนุนกระดูกและฟันที่แข็งแรง และควรมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถใช้ได้ในระดับสูงเพื่อสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน.

“คำแนะนำจากสัตวแพทย์ (หรือสัตวแพทย์)” หมายความว่าอย่างไร?

เนื่องจากเรามีความเคารพในความคิดเห็นทางวิชาชีพของสัตวแพทย์ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะถูกดึงดูดไปยังอาหารที่มีการระบุว่า “ได้รับคำแนะนำจากสัตวแพทย์” แต่คำกล่าวนี้จริงๆ แล้วหมายถึงอะไร? ตามที่สมาคมผู้ควบคุมการให้อาหารของอเมริกา (AAFCO) ระบุว่า แบรนด์สามารถกล่าวอ้างนี้ได้หากพวกเขาได้ทำการสำรวจทางสถิติที่มีความน่าเชื่อถือจากสัตวแพทย์อย่างน้อย 300 คน และจำนวนสัตวแพทย์ที่สำรวจต้องแนะนำผลิตภัณฑ์นี้เป็นจำนวนที่มีนัยสำคัญ.

Wellness® ครอบคลุมทุกข้อที่ต้องการ

เมื่อพูดถึงแบรนด์อาหารสัตว์ที่ “ได้รับคำแนะนำจากสัตวแพทย์” Wellness โดดเด่นเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยม ผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์และสมดุลของ Wellness สำหรับสุนัขและแมวตรงตามเกณฑ์ที่สัตวแพทย์มองหาในแบรนด์อาหารสัตว์ สุนัขของคุณชอบอาหารเม็ดหรือไม่? ลองสูตร Wellness CORE Ocean ของเรา จะทำให้พวกมันเลียปากอย่างแน่นอน! สำหรับผู้ที่รักแมว เราก็มีสิ่งดี ๆ มาเสิร์ฟ! สำหรับแมวที่ชอบอาหารเม็ด ลองสูตร Wellness CORE Indoor ของเรา

อาหารสุนัข Wellness CORE สูตร Ocean
อาหารแมว Wellness CORE สูตร Indoor

Wellness กำหนดสูตรและผลิตอาหารตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารที่สูงที่สุด พวกเขาจ้างผู้เชี่ยวชาญในการกำหนดสูตรและนักโภชนาการสัตว์ที่ทำให้มั่นใจได้ว่าอาหารเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และถูกกำหนดสูตรเพื่อตอบสนองความต้องการทางโภชนาการเฉพาะของสุนัขและแมว นอกจากนี้ Wellness ยังดำเนินการทดลองให้อาหารตามเกณฑ์ AAFCO และลงทุนในการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อให้มั่นใจว่าสัตว์เลี้ยงจะเจริญเติบโตและมีสุขภาพดีจากอาหารเหล่านี้ ปัญหาการย่อยอาหารสามารถเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อสุขภาพโดยรวมของสัตว์เลี้ยงของเรา หากเพื่อนขนฟูของคุณมีปัญหาแพ้ ลอง Wellness CORE Grain Free สำหรับสุนัข และ Wellness Core Grain Free สำหรับแมว โปรไฟล์สารอาหารมีให้แก่สาธารณชน ซึ่งช่วยให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงและสัตวแพทย์สามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลเมื่อเลือกผลิตภัณฑ์ สัตวแพทย์ยังแนะนำ Wellness ด้วย! จากการสำรวจสัตวแพทย์ทั่วประเทศในสหรัฐอเมริกาที่ดำเนินการโดยหน่วยงานวิจัยอิสระ 4 ใน 5 ของสัตวแพทย์แนะนำ Wellness.

ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหาอาหารใหม่สำหรับสัตว์เลี้ยง หรือสงสัยว่าแบรนด์ที่ใช้ในปัจจุบันดีหรือไม่ การปรึกษากับสัตวแพทย์เพื่อขอความคิดเห็นเป็นความคิดที่ดี สัตวแพทย์สามารถช่วยประเมินอาหารโดยการดูอาการและสุขภาพของสัตว์เลี้ยงของคุณ และเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนดโดยแนวทางของ WSAVA.

👉 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :
ทักแชท: m.me/wellnesspetfoodthailand
Website: https://www.wellnesspetfood.co.th/
.
🌟แชร์ชีวิตที่ดีร่วมกัน แชร์ WELLNESS อาหารสัตว์เลี้ยงที่แนะนำโดยสัตวแพทย์ 🌟

🛒 หาซื้อได้แล้ววันนี้ ที่ร้านเพ็ทช็อปชั้นนำทั่วไป

วิธีการบอกว่าลูกสุนัขของคุณมีอาการแพ้อาหาร

การสับสนระหว่างอาการแพ้อาหารกับความอ่อนไหวต่ออาหาร (หรืออาการทนไม่ไหว) เป็นข้อผิดพลาดที่พบบ่อยจากเจ้าของสัตว์เลี้ยง แม้ว่าการแพ้อาหารและความอ่อนไหวต่ออาหารจะมีสาเหตุที่แตกต่างกันมาก แต่ลักษณะอาการภายนอกนั้นคล้ายกันมาก อย่างไรก็ตาม การแยกแยะระหว่างการแพ้อาหารจริง ๆ กับความอ่อนไหวต่ออาหารเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อช่วยให้หลีกเลี่ยงปัญหาผิวหนังและการย่อยอาหารได้อย่างดีที่สุด

ความแตกต่างระหว่างการแพ้อาหารและความอ่อนไหวต่ออาหารคืออะไร?

การแพ้อาหารในสุนัข:

การแพ้อาหารที่แท้จริงเกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเข้าใจผิดว่าอาหารบางชนิดเป็นสิ่งที่เป็นอันตรายและเริ่มต้นการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน การแพ้อาหารที่แท้จริงนั้นพบได้น้อยกว่าความอ่อนไหวต่ออาหาร ในความเป็นจริง การศึกษาชี้ให้เห็นว่าในสุนัขที่มีอาการแพ้ทั้งหมด มีเพียง 10% เท่านั้นที่มีการแพ้อาหาร และส่วนใหญ่ของปฏิกิริยามาจากสาเหตุที่พบได้บ่อยกว่ามาก เช่น หมัด ปรสิต และสิ่งแวดล้อม

วิธีการบอกว่าลูกสุนัขของคุณมีการแพ้อาหาร:

  • อาการคันรุนแรง
  • การอักเสบที่หูเรื้อรัง
  • ปัญหาทางระบบทางเดินอาหาร (ท้องเสียเรื้อรังหรือการมีแก๊สในท้อง)
  • ผิวหนังแดง
  • ขนร่วง
  • ส่วนผสมที่กระตุ้นการตอบสนองการแพ้แตกต่างกันไปในแต่ละสุนัข แต่สารก่อภูมิแพ้อาหารที่พบบ่อยที่สุดได้แก่ เนื้อวัว, นม, ข้าวสาลี, ไข่, ไก่, แกะ, ถั่วเหลือง, หมู และข้าวโพด

ความอ่อนไหวต่ออาหารในสุนัข:

ความอ่อนไหวต่ออาหารเป็นปฏิกิริยาที่ไม่ใช่การแพ้ต่ออาหาร ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการสะสมของปฏิกิริยาจากสารที่กระตุ้นความไว ความอ่อนไหวต่ออาหารอาจเกิดจากสัตว์เลี้ยงไม่สามารถย่อยส่วนผสมบางชนิดได้อย่างเหมาะสม เช่น โปรตีนจากเนื้อสัตว์, นม, ธัญพืช, สีสังเคราะห์, แต่งรสชาติสังเคราะห์ และสารกันบูดเคมี การเริ่มต้นของความอ่อนไหวต่ออาหารมักเกิดขึ้นอย่างทันทีภายใน 48 ชั่วโมงหลังจากการรับประทานอาหารที่ทำให้เกิดปฏิกิริยา

วิธีการบอกว่าลูกสุนัขของคุณมีความอ่อนไหวต่ออาหาร:

  • สภาพผิวหนังไม่ดี
  • ขนคัน
  • การติดเชื้อหูเรื้อรัง
  • ยีสต์ที่เท้า
  • การติดเชื้อแบคทีเรีย
  • อุจจาระเหลว
  • อาเจียน, ท้องเสีย และการมีแก๊ส

การรักษาการแพ้อาหารและความอ่อนไหวต่ออาหาร

หากคุณคิดว่าสุนัขของคุณมีอาการแพ้อาหารหรือความอ่อนไหวต่ออาหาร ควรปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง สำหรับทั้งการแพ้อาหารและความอ่อนไหวต่ออาหาร อาการทางคลินิกมักได้รับการวินิจฉัยด้วยการทำอาหารแบบคัดเลือกและทดสอบ การทำอาหารแบบนี้จะมุ่งเน้นไปที่การให้อาหารที่จำกัดส่วนผสมเพื่อหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่อาจทำให้เกิดการแพ้ ดังนั้น อาหารที่ปราศจากธัญพืชและมีส่วนผสมจำกัดจึงเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมจากเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่เชื่อว่าสุนัขของพวกเขามีอาการแพ้อาหารหรือความอ่อนไหวต่ออาหาร

สูตรอาหารเช่น Wellness CORE Digestive Health ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อให้เป็นอาหารที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ตามธรรมชาติและหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้อาหารที่พบบ่อย ดังนั้นจึงช่วยลดความเป็นไปได้ที่อาหารจะทำให้เกิดปฏิกิริยาผลข้างเคียงในสุนัขที่มีอาการแพ้อาหารหรือความอ่อนไหวต่ออาหาร

สูตรอาหารแห้ง Wellness CORE Digestive Health มีการย่อยที่ดีเยี่ยม เป็นก้อนอาหารที่เคลือบด้วยโปรไบโอติก พร้อมเอนไซม์ย่อยอาหาร ผสมใยอาหารพรีไบโอติกพิเศษ และระดับโปรไบโอติกที่รับประกันเพื่อสนับสนุนสุขภาพทางเดินอาหารเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี ส่งเสริมให้สุนัขของคุณมีชีวิตที่ดีที่สุด เริ่มต้นจากการดูแลสุขภาพทางเดินอาหาร จากระบบภูมิคุ้มกันไปจนถึงระดับพลังงาน และแม้แต่ผิวหนังและขน ทุกอย่างเริ่มต้นจากสุขภาพทางเดินอาหาร

การสนับสนุนสุนัขที่มีอาการแพ้อาหารหรือความอ่อนไหวต่ออาหารอาจเป็นเรื่องท้าทาย แต่หากคุณเข้าใจสาเหตุของอาการแพ้หรือความอ่อนไหวเหล่านี้และให้อาหารที่เหมาะสม เจ้าของสัตว์เลี้ยงก็สามารถบรรเทาอาการที่ไม่พึงประสงค์ของสุนัขได้ ในขณะที่คุณจำกัดส่วนผสมในมื้ออาหารหลักของสุนัข อย่าลืมว่าคุณควรจำกัดส่วนผสมในขนมและอาหารเสริมด้วย

อาหารเม็ดสุนัขที่ดีที่สุดสำหรับสุนัขของเราคืออะไร?

ในฐานะเจ้าของสุนัข คุณต้องการให้แน่ใจว่าสุนัขของคุณได้รับสารอาหารทั้งหมดที่จำเป็นเพื่อรักษาสุขภาพที่ดีที่สุด แต่มีอาหารสุนัขหลายประเภทในตลาด และการพยายามหาว่าอะไรที่ดีที่สุดสำหรับสัตว์เลี้ยงของคุณอาจทำให้รู้สึกสับสนได้ คุณจะเลือกอาหารที่ “เหมาะสม” ได้อย่างไร?

อะไรคือสิ่งที่ทำให้รู้ว่าอาหารเม็ดสุนัขที่ดีที่สุด?

เมื่อพูดถึงการหาอาหารสุนัขที่ดีที่สุดสำหรับสุนัขของคุณ ไม่ได้มีทางเลือกเดียวที่เหมาะสมกับทุกตัว—แต่ละตัวมีความต้องการด้านโภชนาการและความชอบที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่ส่งผลต่อตัวคุณ เช่น ความต้องการในการจัดเก็บ ความสะดวก และต้นทุน ที่คุณจะต้องพิจารณาด้วย ในขณะที่คุณกำลังคิดเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ คุณจะต้องมุ่งเน้นไปที่สามประเด็นเกี่ยวกับคุณภาพของอาหารเพื่อทำการตัดสินใจขั้นสุดท้าย: การหายี่ห้อที่เชื่อถือได้, ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติคุณภาพสูง, และได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพของสุนัขของคุณ

ความเชื่อถือในยี่ห้อ

ในการตัดสินใจว่าแบรนด์ใดน่าเชื่อถือหรือไม่ ให้พิจารณาว่ามีข้อกำหนดทางกฎหมายที่ไม่บังคับให้ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงต้องได้รับการกำหนดสูตรหรืออนุมัติจากสัตวแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการหรือไม่ บริษัทที่เชื่อมั่นในคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์จะทำการตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ของตนอย่างละเอียดเพื่อให้มั่นใจว่ามีคุณค่าทางโภชนาการสูงสุดและความมุ่งมั่นในการรักษาความปลอดภัยของอาหารที่ไม่มีใครเทียบเคียง วิธีที่ดีในการตัดสินใจถึงความมุ่งมั่นของแต่ละบริษัทในด้านเหล่านี้ ได้แก่:

  • พวกเขาทำงานด้านโภชนาการสัตว์เลี้ยงมานานแค่ไหน?
  • พวกเขามีสัตวแพทย์, นักวิทยาศาสตร์อาหาร และผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการสัตว์ในทีมงานหรือไม่?
  • พวกเขาทำการศึกษาการให้อาหารเพิ่มเติมและงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ความปลอดภัยและประโยชน์ต่อสุขภาพของอาหารของพวกเขาหรือไม่?
  • พวกเขาเผยแพร่ข้อมูลโภชนาการของอาหารของพวกเขา รวมถึงโปรไฟล์ของสารอาหารหรือไม่?
  • พวกเขามีทีมงานบริการลูกค้าที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ พร้อมให้คำแนะนำและตอบคำถามเพิ่มเติมหรือไม่?
  • พวกเขาได้รับการแนะนำจากสัตวแพทย์หรือไม่?

วัตถุดิบธรรมชาติ

วัตถุดิบธรรมชาติเป็นสิ่งสำคัญ—คุณไม่ต้องการให้อาหารขยะกับเพื่อนขนฟูของคุณ! เมื่อรีวิวฉลากส่วนผสม คุณควรมองหาวัตถุดิบคุณภาพสูงที่คุณสามารถรับรู้ได้และต้องการให้อาหารสัตว์เลี้ยงของคุณ โดยหลีกเลี่ยงส่วนผสมเสริม, ผลิตภัณฑ์จากพลอยได้ หรือสารสังเคราะห์ โปรตีนคุณภาพสูงควรเป็นส่วนผสมแรกในอาหารสุนัขของคุณ เช่น ไก่, เนื้อวัว, เนื้อแกะ หรือปลา อาหารสุนัขที่มีคุณภาพจะมีส่วนผสมที่ระบุอย่างเด่นชัดบนถุง คุณควรสามารถมองเห็นได้ง่ายว่าในมื้ออาหารของสัตว์เลี้ยงคุณมีอะไรบ้าง!

รองรับด้วยวิทยาศาสตร์

สูตรที่ใช้ทำอาหารสุนัขของคุณควรได้รับการสนับสนุนจากวิทยาศาสตร์โภชนาการและมีผลลัพธ์ที่พิสูจน์แล้วว่าเป็นประโยชน์ต่อสุนัขของคุณ เท่านั้น บางบริษัทเท่านั้นที่ทำการวิจัยทางวิทยาศาสตร์อย่างรอบคอบเกี่ยวกับอาหารของพวกเขาทั้งหมด ดังนั้นการตัดสินใจว่าแบรนด์ไหนได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์และแบรนด์ไหนไม่ได้รับการพิสูจน์ อาจเป็นเรื่องท้าทาย แบรนด์คุณภาพสูง เช่น Wellness จะแสดงให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงเห็นถึงประโยชน์ที่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ผ่านการสื่อสาร ว่าสูตรของพวกเขาช่วยให้เกิด 5 สัญญาณของความเป็นอยู่ที่ดี ได้แก่ ผิวหนังและขนที่สุขภาพดี พลังงานที่เหมาะสม ฟันและกระดูกที่แข็งแรง การย่อยอาหารที่ดี และสุขภาพของระบบภูมิคุ้มกัน

ตัวเลือกอาหารเม็ดสุนัขที่ดีที่สุดสำหรับลูกสุนัข

หากคุณกำลังเลือกซื้ออาหารสำหรับลูกสุนัข คุณต้องมั่นใจว่าแบรนด์ที่คุณเลือกจะสนับสนุนการเติบโตและพัฒนาการของพวกมันอย่างเหมาะสมเพื่อเตรียมพวกมันสำหรับชีวิตที่ยาวนานและมีสุขภาพดี อาหารลูกสุนัขมีสารอาหารมากกว่า รวมถึงไขมันและแคลอรีต่อปอนด์มากกว่าอาหารสุนัขโต เพื่อรองรับการเติบโตที่รวดเร็ว ดังนั้นการเลือกโภชนาการที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสำเร็จของลูกสุนัขของคุณ แบรนด์อาหารลูกสุนัขที่ดีที่สุดจะมีสารอาหารที่เข้มข้น พร้อมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินเพื่อสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกันที่กำลังพัฒนา ซึ่งจะมี DHA ซึ่งเป็นกรดไขมันที่สำคัญสำหรับการพัฒนาสมอง โปรไบโอติกและพรีไบโอติกจะช่วยให้ลำไส้ของลูกสุนัขแข็งแรงและการย่อยอาหารเป็นไปอย่างราบรื่น กรณีของลูกสุนัขพันธุ์เล็ก เช่น ชิวาวา ควรให้อาหารสำหรับลูกสุนัขพันธุ์ทอย ในขณะที่ลูกสุนัขพันธุ์นิวฟาวด์แลนด์จะได้รับประโยชน์จากอาหารลูกสุนัขที่ออกแบบมาสำหรับพันธุ์สุนัขขนาดใหญ่ ความแตกต่างเหล่านี้ช่วยให้มีความหนาแน่นของสารอาหาร ขนาดของเม็ดอาหาร ความต้องการพลังงาน และความต้องการแร่ธาตุที่เหมาะสมเพื่อให้แน่ใจว่าลูกสุนัขแต่ละตัวได้รับอาหารที่จำเป็นสำหรับการเติบโตและพัฒนาการที่เหมาะสม

อาหารเม็ดสุนัขที่ดีที่สุดสำหรับสุนัขสูงอายุ

เมื่อสัตว์เลี้ยงที่คุณรักเข้าสู่วัยสูงอายุ คุณต้องการให้พวกมันรักษาสุขภาพที่ดีที่สุดให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ คุณสามารถช่วยพวกมันได้ด้วยอาหารที่ออกแบบมาสำหรับสัตว์เลี้ยงสูงอายุ โดยเฉพาะ สำหรับสุนัขพันธุ์ใหญ่ การเพิ่มส่วนผสมเพื่อสนับสนุนข้อต่อและการเคลื่อนไหวมักจะเป็นส่วนหนึ่งของอาหารเหล่านี้ อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องพิจารณาคือการสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งมักจะเสื่อมลงตามอายุ ส่วนผสมเสริมเช่น L-carnitine จะช่วยสนับสนุนสภาพร่างกายที่กระชับ และกรดไขมันช่วยให้ผิวหนังและขนเงางาม เมื่อสัตว์เลี้ยงของคุณมีพฤติกรรมที่นั่งนิ่งมากขึ้นเมื่อแก่ลง พวกมันอาจได้รับประโยชน์จากการจัดการแคลอรี (หรือเพียงแค่ลดปริมาณอาหารลง) แต่สุนัขที่สูงอายุมากอาจต้องการการบริโภคแคลอรี่เพิ่มขึ้นเพื่อรักษาสภาพร่างกาย เนื่องจากน้ำหนักมักจะลดลงเมื่ออายุมากขึ้น

อาหารเม็ดที่ดีที่สุดสำหรับสุนัขพันธุ์ใหญ่และพันธุ์เล็ก

  • พันธุ์เล็ก

เช่นเดียวกับลูกสุนัข สุนัขโต และสุนัขสูงอายุ สุนัขพันธุ์ใหญ่และพันธุ์เล็กมีความต้องการด้านโภชนาการที่แตกต่างกัน สุนัขพันธุ์เล็กมักมีอัตราการเผาผลาญสูงกว่า ใช้พลังงานเร็วกว่าเมื่อเทียบกับสุนัขพันธุ์ใหญ่ นั่นหมายความว่าพวกมันต้องการการเสริมสารอาหารเพิ่มเติมจากอาหาร โดยมีสัดส่วนของคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และแคลอรี่ที่แตกต่างจากอาหารสุนัขพันธุ์ทั่วไปหรือพันธุ์ใหญ่ เช่นเดียวกับลูกสุนัข ขนาดของเม็ดอาหารสำหรับสุนัขพันธุ์เล็กนั้นเหมาะสมกับความต้องการของพวกมัน อีกทั้งยังช่วยในการแบ่งอาหารและการจัดการน้ำหนักอีกด้วย

  • พันธุ์ใหญ่

ในทางกลับกัน สุนัขพันธุ์ใหญ่ก็มีความต้องการเฉพาะเช่นกัน พวกมันต้องการอาหารที่สามารถรองรับกระดูกและกล้ามเนื้อที่ใหญ่ขึ้นและร่างกายที่หนักขึ้นในระยะยาว แม้ว่าสุนัขพันธุ์ใหญ่จะมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่า แต่พวกมันมีความต้องการพลังงานต่อน้ำหนักต่ำกว่าสุนัขพันธุ์เล็ก อย่างไรก็ตาม พวกมันต้องการสิ่งอื่นจากอาหารของพวกมัน ตัวอย่างเช่น คุณควรเลือกขนาดเม็ดอาหารที่เหมาะสมกับขนาดกรามของพวกมัน เพื่อที่พวกมันจะไม่เพียงแค่กลืนอาหารไป นอกจากนี้ยังมีการบำรุงข้อต่อ เช่น กลูโคซามีนและคอนโดริตินซัลเฟต เพื่อช่วยปกป้องข้อต่อจากการสึกหรอในระยะยาว ร่วมกับการควบคุมแคลอรีสำหรับการจัดการน้ำหนัก สารอาหารสำหรับข้อต่อเหล่านี้จะเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการทำให้สุนัขพันธุ์ใหญ่ของคุณมีความกระฉับกระเฉงและเคลื่อนไหวได้ดีตลอดหลายปี

อาหารเม็ดที่ดีที่สุดสำหรับการแพ้อาหารและท้องเสีย

หากลูกสุนัขของคุณมีอาการแพ้อาหารหรือท้องเสีย ยังมีตัวเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพสำหรับพวกมันอยู่ อาหาร Wellness Simple เป็นอาหารที่มีส่วนผสมจำกัด ซึ่งเหมาะสำหรับสัตว์เลี้ยงที่มีความต้องการพิเศษ อาหารเหล่านี้ให้สารอาหารที่มุ่งเน้นเพื่อหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ที่พบบ่อยในสัตว์เลี้ยง Wellness CORE และ Wellness Complete Health ยังมีสูตรที่ปราศจากธัญพืช ซึ่งออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับลูกสุนัข สุนัขพันธุ์เล็ก และสุนัขพันธุ์ใหญ่

การรักษาน้ำหนักที่เหมาะสม

การรักษาสภาพร่างกายที่เหมาะสมเป็นส่วนสำคัญของสุขภาพโดยรวมของสุนัขของคุณ โรคอ้วนสามารถทำลายข้อต่อ สร้างปัญหาการย่อยอาหาร และแม้กระทั่งลดอายุขัยของพวกมัน แน่นอนว่า อาหารมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการเพิ่มหรือลดน้ำหนัก สุนัขที่ต้องการลดน้ำหนักจะต้องบริโภคแคลอรี่น้อยกว่าที่มันใช้ไป ดังนั้นคุณจะต้องมองหาอาหารที่ออกแบบมาสำหรับการจัดการน้ำหนัก หรืออาจลดปริมาณอาหารลง โปรตีนช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อที่แข็งแรง เพื่อกระตุ้นกิจกรรมของสุนัข และการสนับสนุนข้อต่อจากอาหารจะช่วยให้สุนัขที่มีน้ำหนักเกินสามารถสร้างและรักษารูปแบบการเคลื่อนไหวที่ดีได้

อาหารสัตว์เลี้ยงที่ปรับตามความต้องการ

หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการดูแลสุขภาพของสุนัขของคุณ—ไม่ว่าจะเป็นขนาดหรืออายุ—คือการเลือกใช้อาหารสัตว์เลี้ยงจาก Wellness เป็นแบรนด์ที่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ โดยทำจากวัตถุดิบธรรมชาติที่ได้รับการแนะนำจากสัตวแพทย์ สูตรอาหารแต่ละสูตรได้รับการออกแบบอย่างรอบคอบโดยทีมผู้เชี่ยวชาญเพื่อตอบสนองความต้องการด้านโภชนาการของสุนัขแต่ละตัว ไม่ว่าจะเป็นในช่วงอายุ ช่วงชีวิต หรือความต้องการด้านสุขภาพที่เฉพาะเจาะจง ด้วย Wellness คุณจะได้พบกับ 5 สัญญาณของความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพที่คุณสามารถเห็นและที่สัตว์เลี้ยงของคุณจะรู้สึก ร่วมกันสร้างชีวิตที่เต็มไปด้วยความเป็นอยู่ที่ดีไปกับ Wellness

เกี่ยวกับหน้านี้

วันที่:

30/07/2014

    รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อการดูแลสัตว์เลี้ยงอย่างดีที่สุด

    ลงชื่อเข้าใช้