อยากรู้หรือไม่ว่าอาหารที่คุณให้น้องหมาและน้องแมวนั้นพรีเมียมจริงหรือเปล่า?

พลิกหลังถุง การอ่านฉลากง่ายๆ เคล็ดลับสำหรับการเลือกอาหารสุนัขและแมวพรีเมียมให้กับลูกๆของคุณ

คุณเคยยืนอ่านฉลากด้านหลังถุงอาหารสัตว์เลี้ยงแล้วคิดว่า “นี่หมายถึงอะไรบ้าง?” หรือไม่? หากคุณเคยสงสัย บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจข้อมูลโภชนาการที่ระบุบนบรรจุภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงได้ง่ายขึ้น นี่คือ 5 ส่วนสำคัญที่ควรสังเกตเมื่อคุณตรวจสอบฉลากด้านหลังถุงอาหาร

1. รายการส่วนผสม

รายการส่วนผสมเป็นการบอกถึงทุกอย่างที่อยู่ในอาหาร โดยเรียงตามน้ำหนัก ส่วนผสมที่ใช้ในปริมาณมากที่สุดจะอยู่ลำดับแรก ๆ และส่วนผสมที่ใช้ในปริมาณน้อยกว่าจะอยู่ลำดับถัดมา วิธีนี้ช่วยให้คุณเห็นว่ามีอะไรเป็นส่วนประกอบหลักของอาหารนั้น ๆ

การเลือกอาหารพรีเมียมสำหรับสุนัขและแมวจะต้องคำนึงถึงส่วนผสมที่มีคุณภาพสูงและให้ประโยชน์ทางโภชนาการที่ครบถ้วน นี่คือวิธีการดูและพิจารณาส่วนผสมของอาหารสุนัขและแมวที่เป็นพรีเมียม

แบรนด์อาหารพรีเมียมส่วนใหญ่ จะโปร่งใสเรื่องส่วนผสมและมีข้อมูลให้ศึกษาเพิ่มเติ่ม เช่นแบรนด์ WELLNESS CORE จะมีข้อมูลส่วนผสม และ มีการชี้แจงอย่างชัดเจน พร้อมตารางจำแนกอาหารตามโภชนาการสำหรับทุกสูตร

1.1 ส่วนประกอบเนื้อสัตว์เป็นหลัก

  • เนื้อสัตว์สด (Whole Meat or Deboned Meat): อาหารพรีเมียมจะใช้เนื้อสัตว์สดเป็นส่วนผสมหลัก เช่น ไก่เลาะกระดูก (Deboned Chicken), เนื้อแกะสด (Fresh Lamb) หรือปลา เช่น ปลาแซลมอน เนื้อสัตว์สดมีคุณภาพสูงและเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญสำหรับสัตว์เลี้ยง เพิ่มความน่าทาน แต่เนื้อสดจะมีน้ำเป็นส่วนผสมกว่า 70% เมื่อผ่านกระบวนการผลิตอาหาร ปริมาณจะน้อยลง
  • Meat Meal (อาหารสัตว์จากเนื้อสัตว์แห้ง): หากเป็น Meat Meal ควรเป็น “Chicken Meal,” “Turkey Meal,” หรือเนื้อสัตว์อื่นที่ระบุชัดเจนว่ามาจากเนื้อสัตว์ที่มีคุณภาพ โดยไม่รวมถึงขนหรือหัว ส่วนประกอบนี้มีความเข้มข้นของโปรตีนมากกว่าเนื้อสด เนื่องจากน้ำถูกขจัดออกไปแล้ว

1.2 ไม่มีผลพลอยได้จากสัตว์ (No By-Products)

  • อาหารพรีเมียมจะหลีกเลี่ยง Meat By-Products หรือผลพลอยได้จากเนื้อสัตว์ เช่น ส่วนหัว ขน และลำไส้ ซึ่งเป็นส่วนผสมที่มีคุณภาพต่ำและอาจย่อยยากสำหรับสัตว์เลี้ยง

1.3 ไม่มีส่วนผสมจากธัญพืชเกรดต่ำ (ควรเป็น Grain-Free หรือ Whole Grains จะดี)

  • Grain-free คืออาหารที่ไม่มีส่วนประกอบของธัญพืช เช่น ข้าวโพดหรือข้าวสาลี เหมาะสำหรับสุนัขและแมวที่มีอาการแพ้ธัญพืช อาการแพ้ อาจมีหลายอาการเช่น เกิดคราบน้ำตา มีอาการคัน บวมแดง ตามร่างกาย แต่ต้องเข้าใจว่า Grain-free ไม่ได้แปลว่ามีคาร์โบไฮเดรตน้อย อาหารเหล่านี้อาจใช้แหล่งคาร์โบไฮเดรตอื่น เช่น มันฝรั่ง ถั่วลันเตา ถั่วเลนทิล หรือแครอทแทน ดังนั้นควรเน้นดูที่ส่วนประกอบและโภชนาการโดยรวมเป็นหลัก ไม่ใช่เพียงแค่คำว่า “Grain-free”
  • อาหารพรีเมียมมักจะเป็น Grain-Free หรือใช้ธัญพืชที่มีคุณภาพสูง เช่น ข้าวกล้อง (Brown Rice) หรือข้าวโอ๊ต (Oats) แทนธัญพืชเกรดต่ำ เช่น ข้าวโพด หรือข้าวสาลี ซึ่งอาจทำให้สัตว์เลี้ยงบางตัวแพ้ได้

1.4 ไม่มีสารเติมเต็ม (No Fillers)

  • อาหารพรีเมียมจะหลีกเลี่ยงการใช้สารเติมเต็มที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ เช่น ข้าวโพด แป้งข้าวสาลี หรือสารกันบูดเทียม สารเหล่านี้อาจก่อให้เกิดอาการแพ้และไม่มีประโยชน์ทางโภชนาการต่อสัตว์เลี้ยง

1.5 แหล่งไขมันที่ดี (Healthy Fats)

  • อาหารพรีเมียมควรมีไขมันจากแหล่งที่ดี เช่น น้ำมันปลาแซลมอน (Salmon Oil) หรือไขมันไก่ (Chicken Fat) ซึ่งเป็นแหล่งกรดไขมันจำเป็นอย่าง โอเมก้า 3 และ โอเมก้า 6 ที่ช่วยบำรุงผิวหนังและขนให้สุขภาพดี

1.6 แหล่งคาร์โบไฮเดรตคุณภาพสูง (High-Quality Carbohydrates)

  • หากมีส่วนผสมของคาร์โบไฮเดรต ควรเป็นมันฝรั่ง ถั่วลันเตา หรือข้าวกล้อง ซึ่งย่อยง่ายและให้พลังงานที่ดี ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นสูง

1.7 ไม่มีสารปรุงแต่งสังเคราะห์ (No Artificial Additives)

  • อาหารพรีเมียมจะปราศจากสี กลิ่น และรสชาติสังเคราะห์ รวมถึงสารกันบูดเทียม เช่น BHA, BHT หรือ Ethoxyquin ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงในระยะยาว

1.8 มีผักและผลไม้เสริมโภชนาการ (Fruits and Vegetables)

  • อาหารพรีเมียมมักมีการเพิ่มผักและผลไม้ เช่น บลูเบอร์รี่ แครอท ผักโขม หรือแอปเปิ้ล ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่ และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมสุขภาพให้กับสัตว์เลี้ยง

1.9. การรับรองความสมดุลทางโภชนาการ (Complete and Balanced)

  • อาหารพรีเมียมต้องมีคำรับรองว่าอาหารนั้นมีความครบถ้วนและสมดุลทางโภชนาการ ซึ่งหมายความว่าสามารถใช้เป็นแหล่งอาหารหลักสำหรับสุนัขหรือแมวในแต่ละช่วงวัย เช่น ลูกสัตว์เลี้ยง หรือสัตว์เลี้ยงที่โตเต็มวัย เช่น อาหารสุนัขและแมว Wellness CORE จะมี เกณฑ์จำแนกอาหารตามมาตรฐานโภชนาการ ให้ดาว์โหลด ในทุกสูตร

ตัวอย่างส่วนผสมที่ดีของสุนัขและแมว

2. การวิเคราะห์รับรอง (GUARANTEED ANALYSIS)

การวิเคราะห์รับรอง (Guaranteed Analysis) คล้ายกับ “ข้อมูลโภชนาการ” ที่เราพบในผลิตภัณฑ์อาหารมนุษย์ เป็นส่วนที่จำเป็นในฉลากอาหารสัตว์เลี้ยง และบอกถึงสารอาหารหลักในอาหาร สารอาหารสำคัญที่ต้องระบุ หลายๆ แบรนด์ในท้องตลาดจะมี การันตีเบื้องต้น เช่น %โปรตีน %ไขมัน %ใยอาหาร %เถ้า และ%ความชื้น

อาหารพรีเมียมมักมี %Guaranteed Analysis ที่เหนือกว่า เช่น

3. ปริมาณแคลอรี

อีกสิ่งที่ควรมองหาคือปริมาณแคลอรี ซึ่งมักระบุว่า “ME” หรือพลังงานเมตาบอลิซึม (Metabolizable Energy) ซึ่งเป็นการประมาณพลังงานที่ร่างกายสัตว์เลี้ยงจะได้รับจากอาหาร ค่านี้จะถูกใช้ในการคำนวณแนวทางการให้อาหารในแต่ละสูตร

การรู้ปริมาณแคลอรีในอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เจ้าของสามารถจัดการกับอาหารและสุขภาพของสัตว์เลี้ยงได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมน้ำหนัก, การปรับปริมาณอาหารตามช่วงวัยและกิจกรรม หรือการป้องกันปัญหาสุขภาพในระยะยาว การอ่านฉลากอาหารและรู้ปริมาณแคลอรีจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามในการดูแลสัตว์เลี้ยงอย่างถูกต้องและปลอดภัย

4. ปริมาณการให้อาหาร

แนวทางการให้อาหารมักระบุปริมาณอาหารที่แนะนำต่อวันในหน่วยที่เข้าใจง่าย เช่น ถ้วย (cups) บางแบรนด์เช่น WELLNESS CORE ยังระบุแนวทางการให้อาหารเป็นกรัมต่อวัน เพื่อให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงสามารถชั่งน้ำหนักอาหารอย่างแม่นยำ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยควบคุมน้ำหนักตัวของสัตว์เลี้ยงให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมได้ดียิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม แนวทางการให้อาหารเหล่านี้เป็นเพียงคำแนะนำเบื้องต้นเท่านั้น คุณควรปรับปริมาณอาหารตามความต้องการเฉพาะของสัตว์เลี้ยง เช่น ขนาด ระดับการออกกำลังกาย และการเผาผลาญพลังงานของแต่ละตัว

ปริมาณอาหารสัตว์เลี้ยงที่แนะนำต่อวัน

5. คำรับรองความครบถ้วนทางโภชนาการ

คำรับรองความครบถ้วนทางโภชนาการ (Nutritional Adequacy Statement) หรือการรับประกันโภชนาการ ระบุว่าอาหารนั้นมีสารอาหารครบถ้วนและสมดุลสำหรับสัตว์เลี้ยงในช่วงอายุหรือสภาวะที่แตกต่างกัน เช่น การเจริญเติบโต การสืบพันธุ์ หรือการบำรุงรักษาสำหรับสัตว์เลี้ยงโตเต็มวัย หากอาหารระบุว่า “ครบถ้วนและสมดุล หรือ Complete & Balance” หมายความว่าอาหารนี้มีสารอาหารทั้งหมดที่สัตว์เลี้ยงต้องการและสามารถใช้เป็นแหล่งอาหารหลักได้

เมื่อคุณเข้าใจทั้ง 5 ส่วนนี้แล้ว คุณจะสามารถเลือกอาหารที่เหมาะสมและให้ประโยชน์ต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงของคุณได้ดียิ่งขึ้น!

หากท่านใดกำลังค้นหา อาหารพรีเมียมสำหรับสุนัขและแมว ที่ดีครบทั้ง 5 ข้อที่ กล่าวมา แอดมินแนะนำ อาหารสุนัข และแมว Wellness CORE และสามารถดู ส่วนผสมที่มีคุณภาพ ได้ที่นี่ คลิ๊ก

สามารถหาซื้ออาหารสุนัขและแมว พรีเมียม แบรนด์ Wellness CORE ได้ที่ร้านเพ็ทช็อปชั้นนำทั่วประเทศหรือ Wellness Pet Food Thailand Official Store

New CORE Digestive Health Foods for Dogs and Cats
Thumbnail

There’s nothing pets love more than a good belly rub, and now, they’ll have happy bellies for a new reason. Wellness® Natural Pet Food, maker of food and treats for dogs and cats, presents Wellness CORE® Digestive Health, a line of recipes that are crafted with digestive enzymes, prebiotic fibers and probiotics to promote wellbeing from the inside out.

wellness core digestive health cat food
Wellness CORE® Digestive Health recipes are crafted with prebiotic fibers and probiotics to promote wellbeing from the inside out.

A healthy pet starts with a happy belly because gut health goes beyond just the digestive system. Digestive health is responsible for seventy percent of the immune system, impacts overall wellbeing and supports protection from toxins and allergens. Wellness CORE Digestive Health products are highly digestible, support a healthy microbiome and immunity, promote lustrous coat and healthy skin and encourage vitality for optimal energy, helping pets achieve whole-body health. This addition to the Wellness CORE family was scientifically crafted by a team of nutritional experts to support digestive health and fuel pets’ best lives.

The new CORE Digestive Health product line comes in response to the growing number of pet parents who are looking to naturally support their pets’ digestive health through their daily meals and nutrition sources. Research conducted by Wellness[1] revealed that 78 percent of pet parents rank easier digestion or better digestion as extremely or very important when weighing health benefits provided in food for dogs or cats. Available in both dry and wet recipes, Wellness CORE Digestive Health provides a product for every pet belly:

  • Wellness CORE Digestive Health Probiotic-Coated Kibble Recipes with Wholesome Grains are formulated with no added wheat, corn, soy, or artificial colors, flavors or preservatives. The probiotic-coated kibble is crafted with digestive enzymes and a unique blend of prebiotic fibers to support digestive health for wellbeing. Kibble recipes for dogs are available in Whitefish and Brown Rice, Chicken and Brown Rice and Small Breed Chicken & Brown Rice recipes. Kibble recipes for cats are available in Chicken & Rice and Salmon & Rice recipes. 
  • Wellness CORE Digestive Health Pate Recipes provide savory flavor and texture with superfoods such as pumpkin and papaya to promote digestive health, plus Omega-3 fatty acids to help nourish skin and coat and essential vitamins and minerals to support immunity. Pate recipes for dogs are available in Chicken, Beef, and Lamb recipes. A pate variety pack is available with Chicken & Beef recipes. Cats can enjoy pate wet recipes in Chicken, Turkey, Whitefish, and Salmon recipes, or select multiple flavors in the Chicken & Turkey variety pack and Salmon & Whitefish variety pack.

“At Wellness, the root of everything we do is focused on promoting our pets’ best lives, and the Wellness CORE Digestive Health product line is our latest innovation to deliver what pet parents want and what we know pets need to achieve overall wellness,” said Dr. Danielle Bernal, staff veterinarian at Wellness Natural Pet Food. “For the same reason we seek it for ourselves, we seek it for our pets: digestive health is the gateway to whole-body wellbeing. We’re proud to bring our first pet food with digestive enzymes to the market through this innovative new family of products.”

Wellness CORE Digestive Health recipes are heading to Pet Specialty stores and online retailers starting now. For more information, please check the WHERE TO BUY section on our Wellness website or contact us via CHAT and we’d be happy to help!

1 Hanover Research Group survey of U.S. cat or dog owners, May 2020.
อาหารสุนัขแบบฟรีซดรายมีประโยชน์อย่างไร ?
brown and tan healthy dog

ปัจจุบัน อาหารสุนัขมีหลากหลายรูปแบบ รสชาติ และลักษณะให้เลือกมากมาย เนื่องจากอาหารสุนัขแบบฟรีซดรายกำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ผู้เลี้ยงสัตว์หลายคนจึงมีคำถามเกี่ยวกับอาหารสุนัขประเภทใหม่นี้ ในที่นี้ เราจะอธิบายว่าอาหารสุนัขแบบฟรีซดรายคืออะไร รวมถึงประโยชน์และความท้าทายที่มากับการให้อาหารสุนัขของคุณในรูปแบบนี้ จากนั้นเราจะให้คำแนะนำวิธีการผสมผสานอาหารแบบฟรีซดรายเข้าไปในอาหารประจำวันของสุนัขคุณ

ก่อนอื่นเรามาพูดถึงเหตุผลว่าทำไมอาหารสุนัขแบบฟรีซดรายถึงได้รับความนิยม ผู้เลี้ยงสัตว์และนักโภชนาการต่างเห็นพ้องกันว่าโปรตีนคุณภาพสูง เช่น ไก่งวง ไก่ หรือแซลมอน ซึ่งมักพบในอาหารแบบฟรีซดราย ให้สารอาหารที่ยอดเยี่ยม โปรตีนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและการบำรุงรักษาเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกายของสุนัขเกือบทุกส่วน ในระดับโมเลกุล โปรตีนจากอาหารให้กรดอะมิโนที่จำเป็นสำหรับร่างกายในการสร้างขน ผิวหนัง กล้ามเนื้อ กระดูกอ่อน เอ็น และเส้นเอ็น และสำหรับสุนัข อาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีนมักจะเป็นที่ชื่นชอบมากที่สุด เพราะส่วนผสมเนื้อสัตว์คุณภาพสูงจะมีกลิ่นหอมและรสชาติที่อร่อย

อาหารสุนัขแบบฟรีซดรายคืออะไร?
การฟรีซดรายเป็นเทคนิคที่ใช้ในการเก็บรักษาส่วนผสมดิบ เช่น เนื้อสด เพื่อผลิตอาหารสุนัขที่ปลอดภัย เก็บได้นาน และมีน้ำหนักเบา อาหารสุนัขแบบฟรีซดรายนั้นจัดเป็นอาหารดิบในทางเทคนิคและอุดมไปด้วยสารอาหาร

การให้อาหารสุนัขแบบฟรีซดรายมีประโยชน์อย่างไร?
อาหารสุนัขแบบฟรีซดรายให้สารอาหารที่ผ่านการแปรรูปน้อยที่สุดสำหรับสุนัข ซึ่งเหมาะกับผู้เลี้ยงที่กำลังมองหาทางเลือกแทนอาหารเม็ดธรรมดา ด้วยรสชาติที่ยอดเยี่ยม อาหารสุนัขแบบฟรีซดรายสามารถใช้เป็นมื้ออาหารหลักสำหรับสุนัขที่กินยาก หรือใช้เป็นท็อปเปอร์ที่อร่อยสำหรับสุนัขทุกตัว เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับมื้ออาหาร

  • ผ่านการแปรรูปน้อยที่สุด
  • รักษารสชาติของส่วนผสมเนื้อสัตว์
  • รักษาคุณค่าทางโภชนาการของส่วนผสม

อาหารสุนัขแบบฟรีซดรายทำอย่างไร ?
การฟรีซดรายเป็นรูปแบบพิเศษของการอบแห้งที่กำจัดความชื้นออกจากอาหารที่อุณหภูมิต่ำมาก ในกระบวนการฟรีซดราย ส่วนผสมดิบจะถูกแช่แข็งก่อน จากนั้นนำไปใส่ในเครื่องสูญญากาศที่เปลี่ยนน้ำในอาหารให้เป็นไอ คุณอาจเคยซื้ออาหารฟรีซดรายมาแล้ว เช่น กาแฟสำเร็จรูปหรือซีเรียลที่มีผลไม้ฟรีซดราย

การฟรีซดรายส่งผลต่อคุณค่าทางโภชนาการของอาหารอย่างไร?
การฟรีซดรายช่วยรักษาคุณค่าทางโภชนาการของส่วนผสมดิบได้มากกว่าวิธีอื่นๆ เช่น การปรุงอาหารหรือการทำให้อาหารสัตว์แห้ง เนื่องจากส่วนผสมของเนื้อดิบถูกฟรีซดราย กระบวนการนี้ช่วยให้สารอาหารที่มีประโยชน์ตามธรรมชาติยังคงอยู่ครบถ้วน

มีอาหารสุนัขแบบฟรีซดรายประเภทใดบ้าง?
อาหารสุนัขแบบฟรีซดรายมีหลากหลายประเภท ตั้งแต่ขนมเนื้ออร่อยๆ อาหารฟรีซดรายที่ใช้เป็นท็อปเปอร์ หรือมิกซ์เซอร์ ไปจนถึงอาหารแบบครบถ้วนและสมดุลที่สามารถใช้เป็นมื้อหลักได้

อาหารสุนัขแบบฟรีซดรายทั้งหมดเหมือนกันหรือไม่?
แม้ว่ากระบวนการฟรีซดรายจะคล้ายกันระหว่างแบรนด์และบริษัทต่างๆ แต่ความแตกต่างจะขึ้นอยู่กับประเภทของอาหารและส่วนผสมที่นำมาทำการฟรีซ ดราย ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงมักประกอบด้วยชิ้นเนื้อเต็มๆ และผลไม้หรือผักที่เห็นได้ชัดเจน บางแบรนด์ที่มีผลิตภัณฑ์อาหารสุนัขแบบฟรีซดรายอาจไม่ได้ใช้เนื้อดิบทั้งชิ้น แต่จะใช้ส่วนผสมที่ผสมกันเพื่อสร้างเป็นก้อนเนื้อคล้ายแฮมเบอร์เกอร์หรือไส้กรอกแทน

ฉันควรกังวลเกี่ยวกับแบคทีเรียจากเนื้อสดในอาหารสุนัขแบบฟรีซดรายหรือไม่?
หากคุณกำลังคิดจะให้อาหารสุนัขแบบฟรีซดราย ควรติดต่อแบรนด์นั้นๆ เพื่อทำความเข้าใจว่าพวกเขามีวิธีการรับรองความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์อย่างไร ที่ Wellness เราให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยของทุกสูตรอาหารที่เราสร้างขึ้น นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมทุกชุดของเนื้อสัตว์ที่เราทำการฟรีซดรายจะต้องผ่านกระบวนการพาสเจอไรซ์ด้วยแรงดันสูง (High-Pressure Pasteurization หรือ HPP) ก่อนขั้นตอนการฟรีซดราย ขั้นตอนนวัตกรรมนี้เพิ่มแรงดันที่ช่วยทำลายแบคทีเรีย ในขณะที่ยังคงรักษาความสมบูรณ์ของส่วนผสมเอาไว้

เราจะผสมอาหารแบบฟรีซดรายเข้าไปในอาหารของสุนัขได้อย่างไร?
อาหารสุนัขที่ทำจากส่วนผสมฟรีซดรายทั้งหมดอาจมีราคาสูง หาได้ยาก และอาจไม่เหมาะกับสุนัขทุกตัว คำแนะนำของเราคือให้ผสมสารอาหารจากอาหารแบบฟรีซดรายบางส่วนเข้าไปในอาหารเม็ดของ Wellness CORE ในขณะที่ยังคงความสะดวกในการให้อาหารตามตารางเวลาปกติของสุนัข

ทำไมสุนัขของฉันถึงไม่ยอมกินอาหาร? 10 สัญญาณที่บอกว่าอาจเป็นปัญหา

สุนัขของคุณที่ไม่ยอมกินอาหารอาจเป็นสัญญาณของปัญหาที่รุนแรงกว่า

ไม่ว่าคุณจะเพิ่งรับสุนัขพันธุ์ใหม่มาเลี้ยง หรือเลี้ยงเพื่อนขนปุยที่ชอบเห่าและสะบัดหางมานานแล้ว การที่สมาชิกในครอบครัวขาของสี่ขาไม่ยอมกินอาหารอาจทำให้คุณรู้สึกวิตกกังวลมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าปกติเขาหรือเธอมีความอยากอาหารที่ดี! หากสุนัขหรือลูกสุนัขของคุณไม่ยอมกินเหมือนเคย อาจเกิดจากหลายสาเหตุ ตั้งแต่ปัญหาสุขภาพไปจนถึงปัญหาทางพฤติกรรม แม้ว่าสุนัขที่มีสุขภาพดีส่วนใหญ่สามารถไม่กินอาหารได้สักวันหรือสองวัน แต่ก็สำคัญที่จะต้องสังเกตพฤติกรรมและสุขภาพของสุนัขเพื่อดูว่าอาจมีปัญหาซ่อนอยู่หรือไม่ หากสุนัขของคุณไม่ยอมกินอาหารเกิน 48 ชั่วโมง ควรพาเขาไปหาสัตวแพทย์ทันที

________________________________________________________________________________________________________________

10 สาเหตุที่ทำไมสุนัขของคุณถึงไม่ยอมกินอาหาร

1.สุนัขของคุณอาจป่วยหรือมีปัญหาสุขภาพร้ายแรง

การขาดความอยากอาหารอาจบ่งชี้ถึงมะเร็ง การติดเชื้อ ปัญหาตับ หรือภาวะไตล้มเหลว ดังนั้นควรปรึกษาสัตวแพทย์หากคุณคิดว่าสุนัขของคุณอาจป่วย

2.การฉีดวัคซีนล่าสุด

การฉีดวัคซีนเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพของสุนัข แต่บางครั้งอาจทำให้สุนัขของคุณเบื่ออาหารชั่วคราวได้

3.การเดินทางหรือสภาพแวดล้อมใหม่

คุณพาสุนัขไปที่ไหนมาใหม่หรือเปล่า? หากสุนัขของคุณกินอาหารได้ปกติจนกระทั่งคุณพาไปเที่ยว การที่เขาหรือเธอเบื่ออาหารอาจเกิดจากความเครียดจากการเดินทางและสภาพแวดล้อมใหม่ บางตัวอาจมีอาการเมารถด้วย

4.อาการปวดปากหรือฟัน

ตรวจดูในปากของสุนัขคุณ – อาจมีบางอย่างที่ทำให้เขาหรือเธอเจ็บปวด คุณควรพาไปหาสัตวแพทย์เพื่อตรวจดูฟันหักหรือฟันหลวม โรคเหงือกอักเสบ หรือเนื้องอกในช่องปาก

5.สุนัขของคุณอาจกลืนสิ่งที่อันตรายเข้าไป

สุนัขของคุณอาจกินสิ่งที่ทำให้ท้องไม่ดี เช่น แมลงหรืออาหารมนุษย์ที่เป็นพิษ

6.ลูกสุนัขของคุณอาจกำลังทรมานจากการบาดเจ็บ

ยาหรือความเจ็บปวดจากการบาดเจ็บสามารถทำให้ลูกสุนัขของคุณไม่สนใจอาหารในชามได้

7.การแก่ตัวอาจเป็นสาเหตุ

เมื่อสุนัขแก่ตัวลง ความอยากอาหารอาจลดลง การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและโรคที่เกี่ยวข้องกับวัยชราสามารถทำให้ความอยากอาหารลดลง สุนัขที่แก่แล้วอาจหยุดกินมากเหมือนตอนเป็นลูกสุนัขเพราะเขาไม่ค่อยเคลื่อนไหวเหมือนเดิม

8.สุนัขของคุณอาจเครียด วิตกกังวล หรือซึมเศร้า

หากลูกสุนัขของคุณเครียดหรือวิตกกังวล ปัญหาทางจิตใจอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาหรือเธอไม่กินอาหารในชาม หากสุนัขของคุณอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่หรือมีสัตว์อื่นๆ รอบตัว เขาหรือเธออาจไม่อยากกินอาหารเลยก็ได้

9.คุณอาจให้อาหารขนมมากเกินไป

สุนัขชอบขนม แต่ก็สามารถกินมากเกินไปได้! หากให้อาหารขนมมากเกินไป อาจทำให้สุนัขของคุณไม่หิวตอนมื้อเย็น ไม่ว่าจะเป็นสุนัขที่ดีแค่ไหนก็ตาม ควรคอยตรวจสอบปริมาณขนมที่ให้สุนัขของคุณกินนะครับ

10.สุนัขของคุณอาจแค่ไม่ชอบอาหาร

บางตัวอาจเป็นสุนัขที่เรื่องมากและไม่ยอมกินอาหารเพราะแค่ไม่ชอบมัน ลองเปลี่ยนไปให้อาหารใหม่ เช่น Wellness CORE ซึ่งอาจทำให้สุนัขที่เรื่องมากตื่นเต้นกับมื้ออาหารมากขึ้น

________________________________________________________________________________________________________________

เนื่องจากการสูญเสียความอยากอาหารในลูกสุนัขอาจบ่งชี้ถึงโรคร้ายแรงหรือการบาดเจ็บ ควรปรึกษาสัตวแพทย์เกี่ยวกับสุขภาพและความเป็นอยู่ของสุนัขหากเขาหรือเธอหยุดกินอาหาร การดูแลให้สุนัขของคุณมีความสุขและสุขภาพดีเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคุณ และเราทราบดีว่าคุณต้องการให้สัตว์เลี้ยงของคุณได้รับสิ่งที่ดีที่สุด การให้พวกเขากินอาหารจาก Wellness Pet Food จะช่วยให้พวกเขามีสุขภาพและความสุขที่ดี เพราะอาหารและขนมของเราทำจากส่วนผสมธรรมชาติและคำนึงถึงความเป็นอยู่ที่ดีของสัตว์เลี้ยงของคุณเป็นหลัก

👉 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :
ทักแชท: m.me/wellnesspetfoodthailand
Website: https://www.wellnesspetfood.co.th/
.
🌟แชร์ชีวิตที่ดีร่วมกัน แชร์ WELLNESS อาหารสัตว์เลี้ยงที่แนะนำโดยสัตวแพทย์ 🌟

🛒 หาซื้อได้แล้ววันนี้ ที่ร้านเพ็ทช็อปชั้นนำทั่วไป

ความสำคัญของอาหารแมวและสุนัขที่มีโปรตีนสูง

Photo by Andrew Muse

คุณไม่ต้องเป็นนักผจญภัยเต็มเวลาเพื่อดูแลสัตว์เลี้ยงที่กระฉับกระเฉง ไลฟ์สไตล์ที่แอคทีฟหมายถึงสิ่งต่างๆ สำหรับเจ้าของสัตว์แต่ละคน แต่มีบางอย่างที่เราสามารถเห็นพ้องต้องกันได้ เช่น การเลือกอาหารที่เหมาะสมและมั่นใจได้ว่าจะดีต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยง.

สิ่งที่ดีที่สุดในการเลือกส่วนผสมให้อาหารสัตว์เลี้ยงของคุณคืออะไร? แล้วรสชาติที่เหมาะสมล่ะ? นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น ช่วงชีวิต ขนาดพันธุ์ และข้อจำกัดทางโภชนาการพิเศษ เช่น ภูมิแพ้หรือปัญหาสุขภาพที่ต้องพิจารณา ซึ่งอาจทำให้รู้สึกยุ่งยากได้ แต่หนึ่งในสิ่งสำคัญที่ควรเริ่มพิจารณาคือโปรตีน และสำรวจตัวเลือกอาหารแมวและสุนัขที่มีโปรตีนสูง.

ทำไมการใส่ใจโปรตีนจึงสำคัญ?

โปรตีนในอาหารเป็นสารอาหารที่สำคัญต่อสุขภาพของสุนัขและแมวทุกตัว ซึ่งจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและการบำรุงรักษาเนื้อเยื่อเกือบทุกส่วนในร่างกาย โปรตีนย่อยง่ายและให้กรดอะมิโนทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการสร้างขน ผิวหนัง กล้ามเนื้อ กระดูกอ่อน เอ็น และเส้นเอ็น นอกจากนี้ในระดับโมเลกุล โปรตีนยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างเอนไซม์ที่กระตุ้นปฏิกิริยาทางเมตาบอลิซึมต่างๆ ที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ฮอร์โมนที่ทำหน้าที่เป็นสารสื่อสารทางเคมีในร่างกาย และแอนติบอดีที่เป็นส่วนประกอบของระบบภูมิคุ้มกัน การมั่นใจว่าอาหารของสัตว์เลี้ยงมีโปรตีนที่ดีเพียงพอเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อให้พวกมันได้รับสิ่งที่จำเป็นในการเติบโตอย่างมีสุขภาพดี

วิธีการตรวจสอบโปรตีนในอาหารสัตว์เลี้ยงของคุณ

เมื่อเลือกอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงของคุณ มีวิธีการตรวจสอบว่าโปรตีนอยู่ในระดับที่คุณต้องการดังนี้:

  1. ดูที่รายการส่วนผสมและค้นหาโปรตีนจากเนื้อที่ระบุชื่อ เช่น ไก่งวง ไก่ หรือแซลมอน
  2. ตรวจสอบปริมาณโปรตีนรวมที่ระบุใน Guaranteed Analysis (การวิเคราะห์ที่รับประกัน) ที่ด้านหลังถุง
  3. ควรตั้งเป้าหมายให้โปรตีนอยู่ที่ระดับกลางๆ ประมาณ 30% สำหรับสุนัข และประมาณ 40% สำหรับแมว

สิ่งที่คาดหวังได้เมื่อเปลี่ยนไปให้อาหารแมวและสุนัขที่มีโปรตีนสูง

ก่อนที่จะเปลี่ยนสัตว์เลี้ยงของคุณไปให้อาหารที่มีโปรตีนสูง จำไว้ว่าควรค่อยๆ ปรับเปลี่ยนอาหารให้สัตว์เลี้ยงในช่วงเวลา 5-7 วัน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางเดินอาหาร และสำหรับสัตว์เลี้ยงที่มีปัญหาสุขภาพ ควรปรึกษากับสัตวแพทย์ก่อนตัดสินใจเลือกอาหาร

เมื่อเลือกอาหารที่มีโปรตีนในระดับที่เหมาะสมสำหรับสัตว์เลี้ยงของคุณ คุณจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าตื่นเต้นในด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของพวกมันในไม่ช้า :

  • ผิวหนังและขนที่นุ่มและเงางามภายในไม่กี่สัปดาห์
  • มวลกล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้น
  • ระดับพลังงานที่เพิ่มขึ้นและความกระฉับกระเฉงมากขึ้น
  • ระบบการย่อยอาหารที่ดีขึ้น
  • ขี้ที่เล็กลงและแข็งแรงขึ้น—มีสารเติมเต็มน้อยลงหมายถึงขยะน้อยลง

แน่นอนว่าอาหารสัตว์เลี้ยงไม่เพียงแค่ต้องมีโปรตีนสูงเท่านั้น ทุกสูตรของ Wellness CORE+ รับรองว่าโปรตีนสำคัญนี้มีความสมดุลอย่างลงตัวกับไขมันในระดับปานกลางและคาร์โบไฮเดรตที่ลดลง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานของสัตว์เลี้ยง นอกจากนี้ เรายังเติมผลไม้และผักสดเพื่อเป็นแหล่งวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ.

การใช้ประโยชน์สูงสุดจากพลังชีวิตใหม่ของสัตว์เลี้ยงของคุณ

ทำไม Wellness CORE+ ถึงมุ่งมั่นที่จะสร้างอาหารที่สมดุลอย่างลงตัวและอุดมไปด้วยโปรตีน? สัตว์เลี้ยงเป็นส่วนสำคัญของครอบครัวเรา และเราต้องการให้พวกมันได้รับสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อมีชีวิตที่ยาวนาน มีสุขภาพดี และมีความสุข นั่นหมายถึงการเล่นลูกบอลในสนามหลังบ้าน การเดินเล่นในละแวกบ้าน และการได้จูบและกอดพวกมันทุกวัน

👉 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :
ทักแชท: m.me/wellnesspetfoodthailand
Website: https://www.wellnesspetfood.co.th/
.
🌟แชร์ชีวิตที่ดีร่วมกัน แชร์ WELLNESS อาหารสัตว์เลี้ยงที่แนะนำโดยสัตวแพทย์ 🌟

🛒 หาซื้อได้แล้ววันนี้ ที่ร้านเพ็ทช็อปชั้นนำทั่วไป

4 ตัวเลือกโปรตีนสำหรับอาหารสุนัขที่ไม่มีไก่

เจ้าของสัตว์เลี้ยงหลายคนเลือกอาหารสุนัขที่ไม่มีไก่เพราะสุนัขอาจแพ้ไก่ หรือบางครั้งสุนัขอาจชอบรสโปรตีนอื่นๆ มากกว่า นอกจากนี้ การเปลี่ยนเมนูอาหารก็เป็นแนวโน้มที่ได้รับความนิยม เพื่อให้สุนัขมีความหลากหลายในการกิน และช่วงเวลาอาหารเย็นก็เป็นโอกาสที่ดีในการสร้างความสัมพันธ์กับสุนัขของคุณ

และถึงแม้ว่าเราจะรู้ว่าการเลือกอาหารที่มีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่เหมาะสมสำหรับการรับประทานเป็นสิ่งสำคัญ แต่ยังมีเหตุผลอื่นๆ ที่ควรพิจารณาในการเลือกอาหารสุนัขที่ไม่มีไก่:

  • บางสูตรอาหารมีโปรตีนมากกว่าสูตรอื่นๆ ซึ่งอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับสุนัขที่มีพลังงานสูงและมีกิจกรรมมาก
  • บางเมนูอาจมีสารกลูโคซามีนและคอนดรอยตินสูงกว่าสูตรอื่นๆ ซึ่งดีสำหรับสุนัขที่มีปัญหาที่ข้อต่อ
  • สูตรที่มีกรดไขมันโอเมกา 6 และโอเมกา 3 สูงอาจเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับสุนัขที่มีปัญหาผิวหนังและขน

นี่คือ 4 อาหารสุนัขที่ไม่มีไก่ ซึ่งทั้งหมดมีแหล่งโปรตีนคุณภาพสูง:

นี่คือ 4 อาหารสุนัขที่ไม่มีไก่ ซึ่งทั้งหมดมีแหล่งโปรตีนคุณภาพสูง:

โปรตีน 1: เนื้อแกะ

นักโภชนาการสัตว์เลี้ยงถือว่าเนื้อแกะเป็นโปรตีนที่ได้รับความนิยมสำหรับสัตว์เลี้ยงที่แพ้ไก่หรือโปรตีนชนิดอื่นๆ ที่ใช้บ่อย เนื้อแกะมีโปรตีนคุณภาพสูงที่ย่อยง่าย และมักถูกแนะนำเป็นอาหารสำหรับสุนัขที่มีพลังงานสูงและมีกิจกรรมมาก

เนื้อแกะมีสารไมโอโกลบินสูง ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก และยังเป็นแหล่งวิตามินบี 12 ที่ดีเยี่ยม

เนื้อแกะถือเป็นแหล่งธรรมชาติที่ยอดเยี่ยมของกรดอะมิโนที่จำเป็น ซึ่งสำคัญต่อการเจริญเติบโตของสุนัข ระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง การบำรุงกล้ามเนื้อ รวมถึงขนและเล็บ และยังเป็นแหล่งของคาร์นิทีนที่ดีสำหรับสุขภาพหัวใจ และช่วยในการเผาผลาญไขมันในร่างกาย

Wellness CORE Lamb
สูตรนี้ทำจากเนื้อแกะจากฟาร์มเปิด, เนื้อแกะแห้ง, ถั่วลันเตา, ถั่วชิกพี, โปรตีนจากถั่วลันเตา และน้ำมันคาโนลา
เป็นอาหารที่มีความสมดุลดีเยี่ยม นอกจากจะปราศจากเนื้อไก่แล้ว ยังไม่มีมันฝรั่ง
ซึ่งทำให้เหมาะสำหรับสุนัขที่มีท้องไวหรือระบบย่อยอาหารที่ไวต่ออาหาร

โปรตีน 2: ปลาขาว

คำว่า “ปลาขาว” หมายถึงปลาทุกชนิดที่มีเนื้อขาวนุ่มและเป็นชิ้นแยกได้ ปลาขาวส่วนใหญ่ เช่น ปลาค็อดและปลาพอลลอค มักมีไขมันต่ำ แต่มีโปรตีนสูง พร้อมทั้งวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้เป็นแหล่งโปรตีนที่ดีเยี่ยมสำหรับสุนัข ปลาขาวยังมีฟอสฟอรัสสูง ซึ่งช่วยรักษาความแข็งแรงและความหนาแน่นของกระดูกในสุนัขที่มีสุขภาพดี

ปลาขาวมีวิตามินบีหลายชนิด เช่น วิตามินบี 12 ที่สำคัญต่อการทำงานของระบบประสาทและการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงใหม่, วิตามินบี 6 (ไพริดอกซิน) ซึ่งช่วยในการเผาผลาญโปรตีนให้เหมาะสม และวิตามินบี 3 (ไนอะซิน) ที่ช่วยในการเผาผลาญพลังงานและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ ปลาขาวยังมีสารอาหารที่ช่วยส่งเสริมการทำงานของสมองให้มีสุขภาพดีอีกด้วย.

Wellness CORE+ Ocean
มื้อปลาไร้เนื้อไก่นี้ผสมผสานอาหารเม็ดที่มีโปรตีนสูงจากปลาเข้ากับชิ้นปลาขาวดิบ 100% สำหรับมื้ออาหารที่สมดุลซึ่งอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า ช่วยส่งเสริมสุขภาพผิวหนังและขนเงางาม ชิ้นปลาดิบได้รับการแช่แข็งแห้งด้วยเทคโนโลยีล่าสุด ทำให้เป็นวิธีที่ปลอดภัยและสะดวกในการให้รสชาติที่สุนัขชื่นชอบ พร้อมประโยชน์ของโปรตีนดิบในอาหารประจำวันของพวกมัน Wellness CORE+ ไม่มีส่วนผสมเทียม สี หรือสารกันบูด สูตรโปรตีนจากแหล่งเดียวนี้เป็นตัวเลือกอาหารที่ดีสำหรับสุนัขที่แพ้ไก่หรือสุนัขที่ชอบรสชาติของอาหารทะเล.

โปรตีน 3: เนื้อวัว

เนื้อวัวเป็นแหล่งโปรตีนที่ได้รับความนิยมสำหรับสุนัข เพราะมีสารอาหารที่สมดุล อุดมไปด้วยวิตามินหลายชนิด เช่น วิตามินบี 1 (ไธอามีน), บี 2 (ไรโบฟลาวิน), บี 3 (ไนอะซิน), บี 6 (ไพริดอกซิน), บี 9 (กรดโฟลิก) และบี 12 (โคบาลามิน) รวมถึงแร่ธาตุอย่างเหล็ก ฟอสฟอรัส และสังกะสี และกรดอะมิโนที่สำคัญต่อการเสริมสร้างกระดูกและกระดูกอ่อน เนื้อวัวยังเป็นแหล่งของคาร์นิทีน รวมถึงแอล-คาร์โนซีน ที่ดีสำหรับสุขภาพหัวใจ และช่วยในการเผาผลาญไขมันในร่างกาย

Wellness Bowl Boosters Simply Shreds
สูตรนี้มาในบรรจุภัณฑ์แบบซอง และออกแบบมาให้เสิร์ฟเป็นของว่างสุขภาพในส่วนของการบริโภคแคลอรี่ประจำวันของสุนัข หรือใช้ผสมกับอาหารเม็ดเพื่อเพิ่มรสชาติและโปรตีนให้กับอาหารเม็ด ทำจากส่วนผสมที่เรียบง่าย 5 อย่าง โดยโปรตีนจากทูน่าและเนื้อวัวถูกขูดแล้วผสมกับผักหั่นเต๋าในน้ำซุปรสอร่อย

โปรตีน 4: เนื้อไก่งวง

เนื้อไก่งวงเป็นเนื้อที่มีไขมันต่ำ และเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูงที่ย่อยง่ายสำหรับสุนัข อุดมไปด้วยวิตามินบีและแร่ธาตุต่างๆ เช่น เซเลเนียม ซึ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ เนื้อไก่งวงยังมีสังกะสีและฟอสฟอรัสสูง โดยฟอสฟอรัสเป็นสิ่งสำคัญต่อการเสริมสร้างกระดูกที่แข็งแรงและมีสุขภาพดี

แม้ว่าเนื้อไก่งวงจะจัดเป็นเนื้อไก่ แต่คุณสมบัติทางโภชนาการของมันแตกต่างจากไก่ ทำให้เป็นทางเลือกโปรตีนที่ปลอดภัยสำหรับสุนัขที่แพ้ไก่

CORE 95% Turkey with Spinach
สูตรอาหารนี้มีความสมดุลและครบถ้วน โดยใช้เนื้อไก่งวงเป็นโปรตีนแหล่งเดียวที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ผักโขมถือเป็นซูเปอร์ฟู้ดเพราะอุดมไปด้วยแมกนีเซียมและธาตุเหล็ก และสูตรนี้ยังเสริมด้วยโอเมกา 3 จากเมล็ดแฟลกซ์ นอกจากนี้ยังปราศจากธัญพืชและมีเนื้อสัมผัสแบบพาทีครีม ซึ่งทำให้เหมาะเป็นมื้ออาหารที่สมบูรณ์หรือใช้เป็นท็อปเปอร์สำหรับอาหารเม็ดเพื่อเพิ่มรสชาติและโปรตีน

👉 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :
ทักแชท: m.me/wellnesspetfoodthailand
Website: https://www.wellnesspetfood.co.th/
.
🌟แชร์ชีวิตที่ดีร่วมกัน แชร์ WELLNESS อาหารสัตว์เลี้ยงที่แนะนำโดยสัตวแพทย์ 🌟

🛒 หาซื้อได้แล้ววันนี้ ที่ร้านเพ็ทช็อปชั้นนำทั่วไป

5 เคล็ดลับในการให้อาหารที่ดีที่สุดสำหรับสุนัขของคุณ

การให้อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและอร่อยแก่สุนัขของคุณเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ สำหรับเจ้าของที่รักสุนัข ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของสุนัขใหม่หรือเป็นเจ้าของสุนัขมานานแล้ว คุณอาจมีคำถามเกี่ยวกับการปรับปรุงอาหารของสุนัขของคุณ ต่อไปนี้คือ 5 เคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณสามารถให้อาหารที่ดีที่สุดแก่สุนัขของคุณได้!

________________________________________________________________________________________________________________

ทำไมคุณถึงอาจกำลังคิดถึงเรื่องอาหารของสุนัขของคุณ:

มีหลายเหตุผลที่ทำให้คุณต้องใส่ใจเรื่องอาหารของสุนัข แม้ว่าสุนัขของคุณจะอยู่กับครอบครัวมานานแล้ว นี่คือตัวอย่างบางประการ:

  • เพิ่งรับสุนัขสมาชิกใหม่เข้ามาในครอบครัว
  • กำลังคิดจะเปลี่ยนอาหารให้สุนัข
  • ต้องให้อาหารกับสุนัขที่เลือกกิน
  • ได้เรียนรู้เกี่ยวกับอาหารสุนัขใหม่
  • ต้องการช่วยสนับสนุนสุนัขในช่วงชีวิตหรือการเปลี่ยนแปลง เช่น การสูงอายุหรือการสูญเสียฟัน
  • สังเกตเห็นปัญหาการย่อยอาหาร การเปลี่ยนแปลงความอยากอาหาร หรือปัญหาอื่นๆ
  • ต้องการช่วยให้สุนัขลดน้ำหนักหรือกินอาหารที่ดีขึ้น

ไม่ว่าคุณจะมีเหตุผลใดๆ ข้างต้นหรือแค่อยากแน่ใจว่าคุณกำลังกินอาหารที่เหมาะสมให้สุนัข ใช้เคล็ดลับทั้งห้าข้อที่เรานำมาฝากด้านล่างนี้เพื่อช่วยปรับปรุงอาหารของสุนัขของคุณ!

เคล็ดลับในการให้อาหารที่ดีที่สุดสำหรับสุนัข:

1.ตรวจสอบฉลากโภชนาการ

ก่อนที่คุณจะซื้อมื้ออาหารให้สุนัข ควรตรวจสอบฉลากโภชนาการเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่คุณกำลังให้อาหารสุนัขของคุณ ฉลากโภชนาการจะระบุส่วนผสมเรียงตามลำดับจากมากไปน้อย คุณจำส่วนผสมได้หรือไม่ โดยเฉพาะห้าอย่างแรก? โปรตีนถูกระบุเป็นส่วนผสมแรกหรือไม่?

สุนัขผู้ใหญ่ต้องการอาหารที่ครบถ้วนและสมดุลซึ่งประกอบด้วยสารอาหารเหล่านี้:

  • โปรตีน
  • วิตามินและแร่ธาตุ
  • โปรไบโอติกส์เพื่อสนับสนุนสุขภาพการย่อยอาหาร
  • ใยอาหารพรีไบโอติกส์สำหรับลำไส้ที่สุขภาพดี
  • คาร์โบไฮเดรต
  • กรดไขมันที่จำเป็น

ปริมาณสารอาหารแต่ละประเภทที่สุนัขต้องการจะขึ้นอยู่กับอายุ ขนาดระดับกิจกรรม และปัจจัยอื่นๆ ของสุนัขของคุณ

2.เลือกอาหารที่เหมาะสมกับช่วงชีวิตของสุนัขของคุณ

ลูกสุนัขที่กำลังเจริญเติบโต, สุนัขวัยที่มีสุขภาพดี, และสุนัขวัยชราล้วนมีความต้องการสารอาหารที่แตกต่างกัน

  • ลูกสุนัขที่อายุต่ำกว่าหนึ่งปีมักมีความต้องการแคลอรี่และโปรตีนสูง เลือกสูตรอาหารสุนัขที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อส่งเสริมการพัฒนาและการเจริญเติบโตที่แข็งแรง
  • สุนัขโตที่อายุระหว่างหนึ่งถึงเจ็ดปีต้องการรักษาน้ำหนักและมวลกล้ามเนื้อ เลือกให้อาหารสุนัขผู้ใหญ่คุณภาพสูงเพื่อสนับสนุนชีวิตที่ดีที่สุดของสุนัขคุณ
  • สุนัขวัยชราคือสุนัขที่อายุมากกว่าเจ็ดปี ถึงแม้ว่าพวกมันอาจยังดูอ่อนเยาว์ มีสุขภาพดี และเต็มไปด้วยพลัง แต่สุนัขในวัยนี้และวัยที่มากกว่านั้นต้องการความช่วยเหลือในการรักษาน้ำหนักที่ดีโดยไม่ให้เกิดความเครียดเกินไปกับข้อต่อของพวกมัน

ช่วยให้สุนัขของคุณยังคงสนุกสนานและกระปรี้กระเปร่าตลอดทุกช่วงวัยด้วยสูตรอาหารที่เหมาะสมกับอายุของพวกมัน

3.พิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ขนาด, พันธุ์, และระดับกิจกรรม

ลูกสุนัข, สุนัขผู้ใหญ่, และสุนัขวัยชราไม่ใช่กลุ่มเดียวที่มีความต้องการทางโภชนาการที่แตกต่างกัน ขนาด, พันธุ์, และระดับกิจกรรมของสุนัขของคุณก็มีผลต่อการเลือกอาหารที่เหมาะสมกับพวกมันด้วยเช่นกัน

  • สุนัขพันธุ์ทอยและสุนัขพันธุ์เล็กต้องการอาหารที่มีขนาดเม็ดอาหารเล็กลง อาหารสุนัขสำหรับพันธุ์เหล่านี้ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อให้สารอาหารที่สมดุลโดยไม่ให้แคลอรี่สูงเกินไป
  • สุนัขพันธุ์ใหญ่สามารถประสบปัญหาข้อเข่าได้หากได้รับอาหารมากเกินไป เนื่องจากขนาดของพวกมัน การประเมินความต้องการอาหารและระดับกิจกรรมของสุนัขพันธุ์ใหญ่ก็อาจเป็นเรื่องยากเช่นกัน

เช่นเดียวกัน สุนัขที่มีพลังงานสูง เช่น สุนัขที่ออกกำลังกายหรือทำงาน อาจต้องการโปรตีนและไขมันมากกว่าสุนัขที่มีความเคลื่อนไหวต่ำซึ่งแค่เดินเล่นสองครั้งต่อวัน อย่าลืมปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับความต้องการทางโภชนาการของสุนัขของคุณ และเลือกสูตรอาหารที่ช่วยเสริมชีวิตที่ดีที่สุดให้กับพวกมัน

Wellness CORE สูตร Small Breed Original เหมาะสำหรับสุนัขพันธุ์เล็ก

4.รู้จักตัวเลือกของคุณ

ส่วนหนึ่งของความท้าทายในการหากอาหารที่เหมาะสมสำหรับสุนัขของคุณคือการรู้จักตัวเลือกต่างๆ ที่มีอยู่และการเลือกตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด เช่น การให้อาหารสุนัขที่ไม่มีธัญพืชหรืออาหารที่มีธัญพืชที่ดีต่อสุขภาพ หรือการให้อาหารที่มีโปรตีนสูงกับอาหารที่ครบถ้วนและสมดุล หรือสุนัขของคุณจะได้รับประโยชน์จากอาหารที่เน้นการดูแลสุขภาพการย่อยอาหารหรือไม่?

  • ธัญพืชที่ดีต่อสุขภาพ: อาหารสุนัขที่มีธัญพืชเป็นส่วนประกอบมีแหล่งโปรตีนที่ดี (เช่น ไก่หรือแกะ) รวมถึงข้าวบาร์เลย์ ข้าวโอ๊ต และธัญพืชอื่นๆ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระและใยอาหารที่จำเป็นในการสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกันและสุขภาพโดยรวมของสุนัขของคุณ
  • อาหารสุนัขปราศจากธัญพืช: อาหารสุนัขปราศจากธัญพืชจะไม่มีธัญพืช แต่ใช้ผักและแหล่งคาร์โบไฮเดรตที่ปราศจากธัญพืช รวมถึงแหล่งโปรตีน เพื่อให้พลังงานที่สุนัขของคุณต้องการในการเติบโตและมีชีวิตที่แข็งแรง
  • อาหารสุนัขโปรตีนสูง: อาหารสุนัขโปรตีนสูงเหมาะสำหรับการรักษามวลกล้ามเนื้อและโทนกล้ามเนื้อ ซึ่งเหมาะกับสุนัขที่มีความกระฉับกระเฉงสูง อาหารประเภทนี้อาจมีทั้งแบบปราศจากธัญพืชหรือมีธัญพืชที่ดีต่อสุขภาพ
  • สุขภาพการย่อยอาหาร: อาหารที่สนับสนุนสุขภาพการย่อยอาหารและจุลชีพในลำไส้ของสุนัขจะย่อยง่าย และมีเอนไซม์ย่อยอาหาร, ใยอาหารพรีไบโอติกส์, และโปรไบโอติกส์เพื่อช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
Wellness CORE Grain Free สูตร Ocean ปราศจากธัญพืช ลดการแพ้ แถมยังบำรุงขนและผิวหนังได้อย่างดีเยี่ยม

การเลือกตัวเลือกขึ้นอยู่กับความต้องการทางโภชนาการ, การย่อยอาหาร, และระบบภูมิคุ้มกันของสุนัข สุนัขที่มีอาการแพ้ธัญพืชจะได้รับประโยชน์จากอาหารที่ปราศจากธัญพืช หากสุนัขมีปัญหากับระบบย่อยอาหาร ตัวเลือกที่เน้นสุขภาพการย่อยอาหารอาจเหมาะสมที่สุด ตัวเลือกเหล่านี้ช่วยให้สุนัขทุกวัยจากลูกสุนัขไปจนถึงสุนัขวัยชราได้มีชีวิตที่ดีที่สุด

5.หาสมดุลที่ดีระหว่างโภชนาการและความชอบ

การค้นหาอาหารสุนัขที่มีคุณค่าทางโภชนาการเป็นเรื่องที่ดี แต่ถึงแม้อาหารที่ดีที่สุดในโลกก็ไม่สามารถช่วยได้หากสุนัขของคุณไม่อยากกินมัน ควรคำนึงถึงความชอบของสุนัขเมื่อคุณกำลังมองหาสูตรอาหารที่ทั้งมีประโยชน์และอร่อย:

  • รสชาติ: ไก่, ไก่งวง, เนื้อวัว, ปลา และส่วนผสมอื่นๆ จะช่วยเปลี่ยนรสชาติของอาหารสุนัข คุณยังสามารถพบสูตรอาหารสุนัขที่ผสมหลายรสชาติเข้าด้วยกันได้อีกด้วย
  • เนื้อสัมผัส: หากสุนัขของคุณมีปัญหาในการเคี้ยว ลองเพิ่มน้ำให้กับอาหารเม็ดหรือเปลี่ยนไปใช้อาหารสุนัขแบบเปียก คุณอาจจะพบว่าสุนัขของคุณชอบเนื้อสัมผัสแบบใดแบบหนึ่งมากกว่าอีกแบบ แต่การผสมผสานทั้งสองแบบก็อาจจะได้ผลดีเช่นกัน

การเพิ่มส่วนผสมและท็อปปิ้งอาจช่วยเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้กับอาหารสุนัขของคุณได้ ตัวอย่างเช่น Wellness CORE Bowl Boosters ที่มีเอนไซม์ย่อยอาหารและเนื้อสัตว์สด, ผลไม้, ผัก และธัญพืชเพื่อเพิ่มรสชาติและสุขภาพให้กับชามอาหารของสุนัขของคุณ

คุณยังสามารถเพิ่มส่วนผสมที่เป็นธรรมชาติ เช่น ผักดิบหรือผักที่ปรุงสุกเล็กน้อย และไข่ โยเกิร์ต, ปลกระป๋อง และน้ำมันปลา ก็เป็นตัวเลือกที่ดีในการเพิ่มเข้าไปในอาหารสุนัขของคุณเช่นกัน

👉 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :
ทักแชท: m.me/wellnesspetfoodthailand
Website: https://www.wellnesspetfood.co.th/
.
🌟แชร์ชีวิตที่ดีร่วมกัน แชร์ WELLNESS อาหารสัตว์เลี้ยงที่แนะนำโดยสัตวแพทย์ 🌟

🛒 หาซื้อได้แล้ววันนี้ ที่ร้านเพ็ทช็อปชั้นนำทั่วไป

7 เคล็ดลับในการให้อาหารสุนัขพันธุ์เล็กอย่างถูกวิธี

ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา สุนัขพันธุ์เล็กได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นสุนัขส่วนใหญ่ในสหรัฐอเมริกา โดยอาจจะเลือกเลี้ยงเพราะรูปลักษณ์ที่น่ารักหรือขนาดที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปในเมืองใหญ่ แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่าในการให้อาหารสุนัขพันธุ์เล็กนั้น การเลือกอาหารที่เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของพวกมันเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีที่สุด สุนัขพันธุ์เล็กมักมีความต้องการพลังงานต่อปอนด์สูงกว่าสุนัขพันธุ์ใหญ่ เช่น เกรตเดน หรือ ลาบราดอร์ และพวกมันยังเป็นที่รู้จักกันว่าอายุยืนที่สุดในบรรดาสุนัขทุกพันธุ์อีกด้วย

จากมุมมองด้านโภชนาการ ขนาดตัวของสุนัขพันธุ์เล็กยังทำให้พวกมันมีแนวโน้มที่จะประสบปัญหาสุขภาพที่พบบ่อย เช่น โรคเหงือกและฟัน และโรคอ้วน ซึ่งทั้งสองอย่างเป็นผลโดยตรงจากสิ่งที่เราป้อนให้พวกมัน การเลือกอาหารที่เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของสุนัขพันธุ์เล็กเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้สุนัขพันธุ์เล็กไม่เพียงแต่ดูดีและรู้สึกดีที่สุด แต่ยังสามารถเพลิดเพลินกับชีวิตที่มีสุขภาพดีไปพร้อมกับเจ้าของได้ตลอดชีวิต

________________________________________________________________________________________________________________

เคล็ดลับในการให้อาหารสุนัขพันธุ์เล็กและลูกสุนัข

1. เลือกสูตรอาหารที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติที่เหมาะสมกับสุนัขพันธุ์เล็ก
อาหารที่ออกแบบเฉพาะนี้ได้รับการปรับให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของสุนัขพันธุ์เล็ก โดยในสูตรอาหารของ Wellness ทุกสูตรจะมีขนาดของอาหารเม็ดที่เล็กกว่าปกติ เพื่อให้เหมาะกับปากของสุนัขพันธุ์เล็ก สูตรที่ปรับเฉพาะนี้ยังมีโปรตีนจากเนื้อสัตว์และไขมันสูง เพื่อให้ทั้งรสชาติอร่อยที่แม้แต่สุนัขพันธุ์เล็กที่เลือกกินยากก็ยังชอบ และยังมีแคลอรี่มากขึ้นในทุกคำที่กิน ซึ่งจะช่วยเติมพลังให้กับการใช้ชีวิตที่กระฉับกระเฉงของพวกมันและตอบสนองความต้องการพลังงานที่สูงขึ้น

    2. เลือกสูตรอาหารที่เหมาะสมกับช่วงชีวิตและไลฟ์สไตล์
    สุนัขพันธุ์เล็กบางพันธุ์อาจใช้ชีวิตช่วงใหญ่เป็นสุนัขวัยชรา หรือบางพันธุ์อาจเติบโตในปีแรกได้มากเท่ากับมนุษย์ที่ใช้เวลา 15 ปีในการเจริญเติบโต ดังนั้น การเลือกอาหารที่เหมาะสมกับช่วงอายุเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพของสุนัขพันธุ์เล็ก สูตรอาหารสำหรับลูกสุนัขพันธุ์เล็กจาก Wellness มีระดับ DHA ที่รับประกันเพื่อสนับสนุนการพัฒนาสมอง พร้อมวิตามินและแร่ธาตุที่สมดุลสำหรับการเจริญเติบโต ส่วนสูตรสำหรับสุนัขพันธุ์เล็กที่ชราแล้วมีสารต้านอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้นเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน กลูโคซามีนและคอนดรอยตินเพื่อสนับสนุนการเคลื่อนไหว รวมถึงการช่วยเสริมการย่อยอาหารเพื่อบรรเทาความไวที่อาจเกิดขึ้นเมื่อสุนัขเริ่มมีอายุ

    อาหารสุนัข Wellness CORE สูตร Small Breed Original เป็นอาหารที่เหมาะกับสุนัขพันธุ์เล็ก มีสารอาหารที่เหมาะสมและครบถ้วน

    3. ควบคุมปริมาณอาหารที่ให้อย่างใกล้ชิด
    แม้ว่าสุนัขพันธุ์เล็กจะมีความต้องการพลังงานที่สูงต่อปอนด์ของน้ำหนักตัว แต่เนื่องจากขนาดตัวที่เล็กมาก การให้อาหารมากเกินไปโดยไม่ทันสังเกตก็เป็นเรื่องง่าย หากให้มากเกินไปเพียงแค่หนึ่งออนซ์ก็สามารถเพิ่มแคลอรี่ได้มากถึง 20% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน ซึ่งจะส่งผลให้สุนัขเกิดการเพิ่มน้ำหนักที่ไม่พึงประสงค์ได้ในระยะยาว

    4. สังเกตน้ำหนักของสุนัขอย่างใกล้ชิด
    เนื่องจากสุนัขพันธุ์เล็กมีขนาดตัวเล็ก การเพิ่มน้ำหนักเพียงไม่กี่ออนซ์ก็อาจจะเป็น 10-20% ของน้ำหนักตัวทั้งหมด ซึ่งอาจไม่ชัดเจนเหมือนกับสุนัขพันธุ์ใหญ่ที่น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นในสัดส่วนเดียวกันอาจจะเท่ากับ 4-6 ปอนด์ สำหรับสุนัขพันธุ์เล็กบางพันธุ์ การเพิ่มน้ำหนักเพียงครึ่งปอนด์อาจเป็นปัญหาที่สำคัญได้ ซึ่งเปรียบเสมือนกับมนุษย์ที่หนัก 150 ปอนด์ เพิ่มน้ำหนัก 20 ปอนด์เลยทีเดียว หากคิดว่าสุนัขพันธุ์เล็กของคุณอาจมีน้ำหนักเกินมากกว่าที่ควร Wellness CORE Small Breed Healthy Weight เป็นสูตรที่เหมาะสมในการลดไขมันและแคลอรี่เพื่อช่วยให้สุนัขลดน้ำหนักได้ พร้อมโปรตีนที่สูงเพื่อรักษาสภาพร่างกายที่เหมาะสมในขณะที่ลดน้ำหนัก

    5. ดูแลฟันของสุนัขทุกวัน
    สุนัขพันธุ์เล็กมีฟันจำนวนเท่ากับสุนัขพันธุ์ใหญ่เช่นเกรทเดน แต่มีพื้นที่ปากที่เล็กกว่า ทำให้ฟันของสุนัขพันธุ์เล็กมีแนวโน้มที่จะเกินจำนวนและซ้อนกัน ส่งผลให้สุนัขพันธุ์เล็กมีความเสี่ยงต่อปัญหาฟันมากขึ้น เจ้าของสุนัขพันธุ์เล็กจึงควรช่วยทำความสะอาดฟันสุนัขทุกวัน วิธีที่ดีในการทำให้ฟันขาวสะอาดคือการแปรงฟันหรือให้ขนมที่ช่วยทำความสะอาดฟัน เช่น WHIMZEES Daily Dental Treats ซึ่งขนมเหล่านี้ช่วยทำความสะอาดฟันขณะเคี้ยวและได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์ว่าเป็นการชะลอการเกิดโรคเหงือก

    6. เลือกแบรนด์ที่มีทั้งรสชาติและคุณภาพ
    สูตรอาหารเหล่านี้ควรมีโปรตีนจากเนื้อสัตว์สูง ไขมันที่ดีต่อสุขภาพ และคาร์โบไฮเดรตที่มีคุณค่าทางโภชนาการในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้สุนัขพันธุ์เล็กได้รับอาหารที่อร่อยและตื่นเต้นกับมื้ออาหารในแต่ละมื้อ พร้อมทั้งให้สารอาหารที่หนาแน่นซึ่งเหมาะกับขนาดกระเพาะที่เล็กของพวกมัน

    7. เลือกสูตรอาหารที่รสชาติยอดเยี่ยม
    เราทราบดีว่ามันสำคัญที่สุนัขทุกตัวจะต้องรักในอาหารของพวกมัน แม้แต่สุนัขพันธุ์เล็กที่เลือกกินยาก ดังนั้นเราจึงได้พัฒนาสูตรอาหารสำหรับสุนัขพันธุ์เล็กที่มีรสชาติอร่อย เพื่อให้สุนัขทุกตัวรู้สึกเพลิดเพลินในทุกมื้อ เช่น Wellness CORE+ Small Breed ที่มีอาหารเม็ดพร้อมกับเนื้อแห้งฟรีซดรายด์ 100% หรือมื้ออาหารสำเร็จรูปของ Wellness เช่น Mini Meals หรือ Petite Entrees ที่มีขนาดพอเหมาะสำหรับการเสิร์ฟเพียงมื้อเดียวสำหรับสุนัขพันธุ์เล็ก สำหรับขนมก็สามารถเลือก CORE Petite Treats ที่ปราศจากธัญพืชและอัดแน่นไปด้วยโปรตีนจากเนื้อสัตว์ เพื่อช่วยรางวัลพฤติกรรมดีๆ และเป็นขนมขบเคี้ยวขนาดเหมาะสำหรับสุนัขพันธุ์เล็ก

    โดยการปฏิบัติตามเคล็ดลับและวิธีการให้อาหารที่ออกแบบเฉพาะสำหรับสุนัขพันธุ์เล็กเหล่านี้ คุณจะมั่นใจได้ว่าคุณกำลังให้อาหารสูตรที่ไม่เพียงแต่อร่อย แต่ยังมีสารอาหารครบถ้วนที่ลูกสุนัขพันธุ์เล็กของคุณต้องการ เพื่อให้พวกมันมีชีวิตที่มีสุขภาพดีและมีความสุข

    👉 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :
    ทักแชท: m.me/wellnesspetfoodthailand
    Website: https://www.wellnesspetfood.co.th/
    .
    🌟แชร์ชีวิตที่ดีร่วมกัน แชร์ WELLNESS อาหารสัตว์เลี้ยงที่แนะนำโดยสัตวแพทย์ 🌟

    🛒 หาซื้อได้แล้ววันนี้ ที่ร้านเพ็ทช็อปชั้นนำทั่วไป

    การฝึกลูกแมว

    หลายคนคิดว่าแมวไม่สามารถฝึกได้ แต่มันไม่เป็นความจริง! แมวสามารถฝึกได้ดีและมีแรงจูงใจสูงเมื่อใช้เทคนิคที่เหมาะสมและเป็นมิตรกับแมว

    เวลาที่ดีที่สุดในการเริ่มฝึกคือเมื่อแมวของคุณยังเป็นลูกแมว เริ่มฝึกเมื่อคุณนำลูกแมวเข้าบ้านครั้งแรก เพราะมันพร้อมที่จะเรียนรู้แล้ว มีหลายสิ่งที่คุณต้องสอนให้กับเธอ แต่ต่อไปนี้คือละครขั้นพื้นฐาน 6 ข้อ

    1.สอนการสัมผัสอย่างอ่อนโยน

    ลูกแมวของคุณยังตัวเล็กและง่ายต่อการอุ้มตอนนี้ แต่เมื่อเธอโตขึ้น คุณจะต้องยกและอุ้มเธอเพื่อเหตุผลต่างๆ เช่น การให้ยา ตัดเล็บ หรือความปลอดภัย หากคุณเริ่มฝึกให้เธอคุ้นเคยกับการสัมผัสและการถูกอุ้มตั้งแต่ตอนนี้ จะช่วยให้การทำเช่นนี้เป็นเรื่องง่ายเมื่อเธอโตขึ้น

    2.การฝึกใช้กรงเดินทาง

    แมวจำนวนมากไม่ได้ไปพบสัตวแพทย์บ่อยเพราะเจ้าของกลัวการใส่แมวในกรง การฝึกให้แมวเข้าไปในกรงได้ง่ายและปลอดภัยจะช่วยลดความเครียดของแมวระหว่างการเดินทาง ลดความเสี่ยงที่จะได้รับบาดเจ็บ และยังช่วยประหยัดเวลาในกรณีฉุกเฉินอีกด้วย

    สอนให้ลูกแมวคุ้นเคยกับกรงเริ่มต้นด้วยการวางกรงไว้ในที่ที่ลูกแมวมองเห็นและเปิดประตูกรงทิ้งไว้ กรงพลาสติกแข็งแบบเคนเนล (กรงแบบเคนเนล (Kennel-style carrier) คือกรงพลาสติกแข็งที่มีประตูเปิดปิดแบบบานเลื่อนหรือบานพับ ซึ่งมักใช้สำหรับพาน้องสัตว์ไปหาสัตวแพทย์หรือเดินทาง) มักจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

    ให้อาหารลูกแมวในกรงเพื่อให้เธอรู้สึกดีเมื่ออยู่ในกรง เริ่มจากการเปิดประตูกรงไว้ก่อน แล้วค่อยๆ ฝึกปิดประตูขณะที่ลูกแมวกินอาหาร ในระหว่างมื้ออาหาร ให้โยนขนมเข้าไปในกรงเป็นครั้งคราวเพื่อดึงดูดลูกแมว หลังจากนั้น ปิดประตูกรง ยกกรงขึ้น เดินรอบห้องแล้ววางกรงลงที่เดิม ปล่อยลูกแมวออกแล้วให้ขนมเป็นรางวัล

    ดำเนินการฝึกต่อไปเพื่อให้สามารถพาลูกแมว (ในกรง) ออกไปที่รถได้ ให้เริ่มจากการนั่งในรถสักครู่โดยที่เครื่องยนต์ยังไม่เปิด ในการฝึกครั้งถัดไป ให้ลองเปิดเครื่องยนต์สักครู่ เมื่อลูกแมวคุ้นเคยกับขั้นตอนเหล่านี้แล้ว ให้พาไปขับรถสั้นๆ แล้วค่อยๆ เพิ่มระยะทาง เช่น ไปที่ธนาคารหรือรับของจากบริการขับรถกลับบ้าน

    หากลูกแมวรู้สึกสบายใจเมื่อได้ซ่อนตัว ให้คลุมกรงด้วยผ้าขนหนู

    วางกรงไว้ในที่ที่เห็นตลอดเวลา เพื่อให้ลูกแมวคุ้นเคยกับการมีกรงอยู่ใกล้ๆ วางผ้าขนหนูอ่อนๆ ในกรงเพื่อให้มันเป็นที่หลบซ่อนสำหรับการนอนพักที่อบอุ่น

    3.สังคมกับลูกแมว

    บ่อยครั้ง สาเหตุที่แมวโตหลายตัวกลัวประสบการณ์ต่างๆ เช่น การมีผู้มาเยี่ยมที่บ้าน เป็นเพราะขาดการเข้าสังคมหรือการเข้าสังคมที่ไม่เพียงพอเมื่อยังเป็นลูกแมว

    ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเข้าสังคมคือระหว่าง 2-7 สัปดาห์ แต่ยังคงมีประโยชน์มากในการดำเนินการต่อไปหลังจากนั้น ช่วงเวลานี้คือตอนที่ลูกแมวเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ และการเรียนรู้ได้ดีที่สุด

    นี่คือช่วงเวลาที่ควรพาลูกแมวไปสัมผัสกับสิ่งต่อไปนี้:

    • คนใหม่
    • การสัมผัสอย่างอ่อนโยนบ่อยๆ
    • การฝึกกรงและการเดินทางสั้นๆ
    • สัตว์เลี้ยงตัวอื่น (ทำอย่างปลอดภัย และหลังจากลูกแมวได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว)
    • เสียงในบ้านทั่วไปและการเข้าออกของสมาชิกในบ้าน

    การแนะนำควรทำอย่างอ่อนโยน ค่อยเป็นค่อยไป และอยู่ในระดับที่ลูกแมวรู้สึกสบาย เพื่อไม่ให้มันกลัว ควรรักษาท่าทีให้เป็นบวก ให้ขนมเป็นรางวัล และอย่าทำให้ลูกแมวรู้สึกเครียดเกินไป

    4.การฝึกใช้กระบะทราย

    แมวมีสัญชาตญาณในการขุดทรายในกระบะทราย ขับถ่าย และปกปิดของเสียของตัวเองเพื่อไม่ให้ดึงดูดสัตว์นักล่า

    ถึงแม้ว่ามักจะมีแมวที่เข้าใจกระบะทรายตามธรรมชาติ แต่ลูกแมวทุกตัวไม่ได้เข้าใจแนวคิดนี้เสมอไป บางครั้งแม่แมวอาจจะไม่ได้อยู่เพื่อสอนบทเรียนนี้ ลูกแมวยังไม่มีการควบคุมกระเพาะปัสสาวะที่ดีพอที่จะใช้กระบะทรายอย่างแม่นยำเหมือนแมวโต

    ยกเว้นการรับเลี้ยงลูกแมวที่ยังเล็กและไม่มีแม่ การฝึกลูกแมวจะค่อนข้างง่ายหากได้รับคำแนะนำพื้นฐานเพียงพอ เตรียมให้ลูกแมวมีโอกาสประสบความสำเร็จด้วยการตั้งกระบะทรายที่ไม่มีฝาปิด และมีขอบต่ำพอที่ลูกแมวจะเข้าออกได้ง่าย หากคุณอาศัยในบ้านหรืออพาร์ตเมนต์ขนาดใหญ่ ให้จำกัดพื้นที่ของลูกแมวในช่วงแรกเพื่อให้มันคุ้นเคยกับตำแหน่งกระบะทราย เติมทรายที่อ่อนนุ่ม ไม่มีน้ำหอม และสามารถตักได้ เพื่อให้ลูกแมวยืนได้อย่างสบาย ตรวจสอบให้แน่ใจว่ากระบะทรายตั้งอยู่ในที่สะดวกเพื่อที่ลูกแมวจะไม่ต้องค้นหามันเมื่อกระเพาะปัสสาวะเต็ม

    หากลูกแมวของคุณต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม ค่อยๆ พาเธอไปที่กระบะทรายหลังจากการนอนหลับ มื้ออาหาร หรือเล่นเกม อย่าบังคับให้เธออยู่ที่นั่น เพียงแค่เป็นการแนะนำอย่างอ่อนโยน

    อย่าลงโทษลูกแมวถ้ามีอุบัติเหตุ ให้ความอดทนกับลูกแมวเพราะเธอกำลังเรียนรู้อยู่

    5.การฝึกใช้เสาลับเล็บ

    จัดเตรียมพื้นผิวที่น่าสนใจและเหมาะกับการลับเล็บเพื่อไม่ให้ลูกแมวของคุณไปข่วนเฟอร์นิเจอร์ แมวส่วนใหญ่ชอบเสาที่หุ้มด้วยเส้นใยซิสัล (เส้นใยซิสัล (Sisal) คือเส้นใยธรรมชาติที่ได้จากพืชชนิดหนึ่งชื่อ “ซิสัล” ซึ่งเป็นพืชในตระกูล Agave พบได้ในบางประเทศ เช่น เม็กซิโก เส้นใยซิสัลมีความทนทานและแข็งแรง จึงมักใช้หุ้มเสาลับเล็บเพื่อให้แมวสามารถข่วนได้ดีและไม่ทำลายง่าย) ลงทุนกับเสาลับเล็บที่แข็งแรงและสูงพอที่จะใช้ได้เมื่อลูกแมวโตขึ้น

    วางเสาลับเล็บในพื้นที่เปิดเพื่อให้ลูกแมวหามันเจอได้ง่าย ใช้ของเล่นแบบอินเทอร์แอคทีฟและเล่นกับลูกแมวรอบๆ เสา เมื่อเธอข่วนเสาและลับเล็บ เธอจะรู้ว่านี่คือสิ่งที่น่าสนใจสำหรับการข่วน

    นอกจากเสาลับเล็บแนวตั้งแล้ว ควรจัดให้มีแผ่นลับเล็บแนวนอนที่ทำจากกระดาษลูกฟูกเพื่อให้ลูกแมวมีตัวเลือกในการข่วนมากขึ้น

    อย่าลงโทษลูกแมวถ้าเธอข่วนเฟอร์นิเจอร์ แทนที่จะทำแบบนั้น ให้วางเสาลับเล็บข้างๆ เฟอร์นิเจอร์ที่เธอกำลังข่วน แล้วคลุมเฟอร์นิเจอร์ด้วยผ้า (ให้ผ้าพับให้แน่นเพื่อไม่ให้ลูกแมวสามารถซ่อนตัวใต้ผ้าได้) เพื่อให้ลูกแมวรู้ว่าเสาลับเล็บเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

    6.สอนลูกแมวเล่นอย่างเหมาะสม

    นี่เป็นบทเรียนที่คุณต้องสอนตัวเองก่อน เพราะอาจจะอยากใช้มือเป็นของเล่น สอนลูกแมวให้กัดหรือข่วนแค่ของเล่น อย่าให้ลูกแมวกัดนิ้วคุณ แม้ว่ามันจะไม่เจ็บตอนนี้ แต่เมื่อเธอโตขึ้นมันจะเจ็บแน่ๆ

    จัดของเล่นที่ปลอดภัยสำหรับเวลาที่ลูกแมวเล่นคนเดียว และใช้ของเล่นแบบอินเทอร์แอคทีฟสำหรับช่วงเวลาที่เล่นด้วยกัน ของเล่นอินเทอร์แอคทีฟจะมีการออกแบบเหมือนไม้ตกปลา ซึ่งช่วยให้คุณสามารถเล่นห่างจากฟันและกรงเล็บของลูกแมวได้ ของเล่นชนิดนี้ยังสามารถขยับของเล่นเหมือนเหยื่อให้ลูกแมวได้สนุกเต็มที่กับการเล่น

    หลังจากเล่นเสร็จแล้ว ควรเก็บของเล่นแบบอินเทอร์แอคทีฟทุกครั้งเพื่อป้องกันอันตรายจากการถูกผูกคอ ให้ทิ้งไว้แค่ของเล่นที่ปลอดภัยสำหรับการเล่นโดยไม่ต้องมีการดูแล

    อาหารแมว สูตรสำหรับลูกแมวของ Wellness CORE มี DHA กับ EPA ที่ช่วยเสริมพัฒนาการของลูกแมวตัวน้อย

    👉 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :
    ทักแชท: m.me/wellnesspetfoodthailand
    Website: https://www.wellnesspetfood.co.th/
    .
    🌟แชร์ชีวิตที่ดีร่วมกัน แชร์ WELLNESS อาหารสัตว์เลี้ยงที่แนะนำโดยสัตวแพทย์ 🌟

    🛒 หาซื้อได้แล้ววันนี้ ที่ร้านเพ็ทช็อปชั้นนำทั่วไป

    คู่มือเจ้าของแมวมือใหม่: 7 เคล็ดลับสำหรับการเลี้ยงลูกแมวครั้งแรก

    เจ้าของแมวมือใหม่

    การนำลูกแมวตัวใหม่เข้ามาบ้านเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น ด้วยพฤติกรรมสนุกสนาน นิ้วเท้าน่ารักเหมือนถั่ว และเสียงเหมียวเล็กๆ ที่น่ารัก ลูกแมวมอบความสุขอันมากมายให้กับครอบครัว

    อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นเจ้าของแมวมือใหม่ คุณอาจรู้สึกท่วมท้นเล็กน้อยกับการดูแลสิ่งมีชีวิตขนฟูตัวเล็กๆ นี้ ความรู้สึกไม่แน่ใจเป็นเรื่องธรรมชาติของการเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ ดังนั้นเราจึงอยู่ที่นี่เพื่อช่วยคุณ

    ในคู่มือสำหรับเจ้าของแมวมือใหม่นี้ เราจะครอบคลุมทุกสิ่งที่คุณต้องรู้เพื่อเตรียมตัวรับลูกแมวตัวใหม่และแนะนำเคล็ดลับในการช่วยลูกแมวปรับตัวเข้ากับบ้านใหม่ของมัน โดยการใช้รายการตรวจสอบสำหรับเจ้าของแมวมือใหม่ด้านล่างเป็นแนวทาง คุณจะพร้อมต้อนรับลูกแมวเข้าบ้านได้ในเวลาไม่นาน

    ________________________________________________________________________________________________________________

    1.เช็คลิสต์สำหรับเจ้าของแมวมือใหม่

    ก่อนนำลูกแมวเข้าบ้าน ควรเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อม การเตรียมอุปกรณ์เหล่านี้ล่วงหน้าจะช่วยให้การปรับตัวของลูกแมวในบ้านใหม่เป็นไปได้อย่างราบรื่นทันที

    ต่อไปนี้คือเช็คลิสต์อุปกรณ์สำหรับเจ้าของแมวมือใหม่ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการซื้อ:

    • เตียง: เมื่อลูกแมวเริ่มปรับตัวเข้าบ้านใหม่ มันจะต้องการที่นอนที่อบอุ่นและสะดวกสบาย เตียงนุ่มๆ จะช่วยให้ลูกแมวรู้สึกปลอดภัยและมั่นคง
    • ชามอาหารและน้ำ: เริ่มจากชามขนาดเล็ก ซึ่งจะทำให้ลูกแมวกินได้ง่ายขึ้น
    • กระบะทรายและทรายแมว: ควรเลือกกระบะทรายขนาดเล็กที่ลูกแมวสามารถปีนเข้าออกได้ง่าย เริ่มต้นด้วยถุงทรายขนาดเล็กเพื่อดูว่าลูกแมวชอบทรายแบบไหน
    • เสาลับเล็บแมว: การข่วนเป็นสัญชาตญาณธรรมชาติของลูกแมว ช่วยระบายพลังงาน ดูแลเล็บให้สุขภาพดี และยังเป็นการสร้างความสนุกสนาน เสาลับเล็บแมวจะช่วยให้พวกมันใช้พฤติกรรมนี้กับสิ่งที่เหมาะสมแทนการข่วนเฟอร์นิเจอร์
    • ของเล่น: ตั้งแต่ตุ๊กตาหนูผ้านุ่มไปจนถึงไม้ตีและของเล่นที่สามารถเคลื่อนไหวได้ ควรมีของเล่นหลากหลายเพื่อกระตุ้นให้ลูกแมวออกกำลังกายและเคลื่อนไหว
    • แปรง: ซื้อแปรงขนาดเล็กที่เหมาะกับประเภทขนของลูกแมว
    • อุปกรณ์ทำความสะอาด: การมีลูกแมวอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือคราบเปื้อนที่ไม่คาดคิดในบ้าน ควรเตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาดที่ปลอดภัยสำหรับสัตว์และกระดาษทิชชู่ไว้
    • ขนม: ขนมที่ดีต่อสุขภาพสำหรับลูกแมวสามารถใช้เพื่อเสริมสร้างพฤติกรรมดีๆ และช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับลูกแมวของคุณ เลือกขนมหลายๆ แบบเพื่อดูว่าลูกแมวชอบอะไร

    2.เลือกอาหารที่เหมาะสมและกระตุ้นให้ดื่มน้ำ

    เมื่อคุณนำลูกแมวเข้าบ้าน คุณควรเริ่มให้อาหารที่เหมาะสมกับอายุของมัน ลูกแมวต้องการโปรตีนสูงและแคลอรี่ที่เพียงพอเพื่อสนับสนุนการเจริญเติบโต สูตรอาหารที่ออกแบบมาสำหรับลูกแมว เช่น CORE Kitten สามารถช่วยให้ลูกแมวได้รับสารอาหารที่จำเป็นทั้งหมด นอกจากนี้คุณอาจพิจารณาเพิ่มท็อปเปอร์อาหารเปียกด้วย ซึ่งไม่เพียงแต่เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้กับมื้ออาหาร แต่ยังช่วยให้ลูกแมวได้รับน้ำอย่างเพียงพออีกด้วย

    พูดถึงการดื่มน้ำแล้ว อย่าลืมเตรียมน้ำให้ลูกแมวพร้อมเสมอ เนื่องจากแมวมักชอบน้ำที่ไหล คุณอาจพิจารณาเพิ่มน้ำพุสำหรับแมวเพื่อดึงดูดให้ลูกแมวดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอทุกวัน

    อาหารแมว สูตรสำหรับลูกแมวของ Wellness CORE เป็นอาหารเม็ดที่มีสารอาหารครบถ้วน ทั้งยังมี DHA กับ EPA ที่ช่วยบำรุงสมอง สายตา และพัฒนาการเจริญเติบโตของลูกแมวอีกด้วย

    3.นัดพบสัตวแพทย์เป็นประจำ

    หนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญที่สุดเมื่อคุณนำลูกแมวเข้าบ้านคือการนัดพบสัตวแพทย์ ควรนัดหมายล่วงหน้าให้เสร็จก่อนที่ลูกแมวจะกลับบ้านกับคุณ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญโดยเฉพาะหากมีสัตว์เลี้ยงตัวอื่นอยู่ในบ้าน สัตวแพทย์สามารถช่วยตรวจสอบลูกแมวสำหรับโรคที่สามารถแพร่เชื้อได้ เพื่อความปลอดภัยของทุกคนในบ้าน

    นอกจากนั้น สัตวแพทย์ยังสามารถช่วยให้แน่ใจว่าลูกแมวของคุณได้รับวัคซีนและการดูแลป้องกันที่เหมาะสมเพื่อปกป้องจากโรคและปรสิตต่างๆ คุณสามารถใช้โอกาสนี้ในการถามคำถามเฉพาะเกี่ยวกับการดูแลลูกแมวของคุณ สัตวแพทย์ควรเป็นแหล่งข้อมูลอันดับหนึ่งในการทำความเข้าใจความต้องการด้านสุขภาพเฉพาะของลูกแมวของคุณ

    4.ทำให้บ้านปลอดภัยสำหรับลูกแมว

    เมื่อคุณนำลูกแมวเข้าบ้าน ควรเริ่มให้มันปรับตัวในห้องเดียวก่อน ห้องนี้ควรมีอุปกรณ์ใหม่ๆ สำหรับแมว เช่น เตียง ของเล่น ชามอาหารและน้ำ และกระบะทราย การจำกัดพื้นที่ให้ลูกแมวอยู่ในห้องเดียวจะช่วยให้มันปรับตัวได้อย่างปลอดภัย ช่วยลดความวิตกกังวลในระหว่างการปรับตัว และสำคัญมากโดยเฉพาะเมื่อมีสัตว์เลี้ยงตัวอื่นในบ้านด้วย

    สิ่งสำคัญอีกอย่างคือการป้องกันไม่ให้ลูกแมวหนีออกไปข้างนอก สถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับแมวคือการอยู่ในบ้าน จริงๆ แล้วแมวที่เลี้ยงในบ้านมีอายุยืนยาวกว่าการเลี้ยงนอกบ้านถึงสี่เท่า หากคุณต้องการพาลูกแมวไปสำรวจสวน ใช้สายจูงและปลอกคอสำหรับลูกแมวจะช่วยให้คุณสามารถเล่นข้างนอกได้อย่างปลอดภัย

    5.แนะนำสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป

    หากคุณมีสัตว์เลี้ยงตัวอื่นในบ้าน ควรแนะนำให้ลูกแมวรู้จักกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ อย่างช้าๆ สำหรับแมว เริ่มจากการวางผ้าห่มหรือผ้าเช็ดตัวในเตียงของลูกแมวและเตียงของแมวตัวอื่น หลังจากนั้นหนึ่งวัน ให้สลับผ้าห่มเพื่อให้แมวทั้งสองได้สัมผัสกลิ่นของกันและกัน จากนั้นให้แมวทั้งสองได้ดมกลิ่นกันผ่านประตูที่ปิดไว้ คุณยังสามารถสลับห้องที่แมวแต่ละตัวอยู่เพื่อช่วยให้พวกมันคุ้นเคยกับกลิ่นของกันและกันได้มากขึ้น และค่อยๆ เริ่มแนะนำให้รู้จักกันทีละน้อยภายใต้การดูแล เพื่อสังเกตการปฏิสัมพันธ์ระหว่างแมวและลูกแมว

    หากคุณมีสุนัขในบ้าน คุณสามารถทำตามขั้นตอนคล้ายๆ กันได้ แต่ต้องมั่นใจว่าเริ่มการแนะนำให้สุนัขรู้จักลูกแมวด้วยการใส่สายจูงให้กับสุนัขเสมอ

    หากสัตว์เลี้ยงของคุณมีปัญหาในการปรับตัวเข้าหากัน ควรพิจารณาจ้างผู้ฝึกสอนมืออาชีพมาช่วยบ้าง ผู้ฝึกสอนสามารถทำงานกับความต้องการเฉพาะของสัตว์เลี้ยงของคุณ เพื่อช่วยให้พวกมันสามารถปฏิสัมพันธ์กันได้อย่างปลอดภัย

    6.เริ่มการดูแลขนตั้งแต่ยังเล็ก

    การดูแลขนลูกแมวช่วยเสริมสุขภาพในระยะยาว และการเริ่มต้นดูแลขนตั้งแต่ลูกแมวยังเล็กจะช่วยให้มันชอบประสบการณ์นี้แทนที่จะรู้สึกกังวล ใช้แปรงที่อ่อนโยนในการแปรงขนเพื่อขจัดขนที่หลุดร่วงออกจากลูกแมว ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดก้อนขนและทำให้ผิวหนังและขนของลูกแมวสะอาด

    7.ใช้เวลาในการสร้างความสัมพันธ์

    สุดท้ายนี้ อย่าลืมว่าหนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดที่คุณสามารถทำได้ในฐานะเจ้าของลูกแมวมือใหม่คือการใช้เวลาในการสร้างความสัมพันธ์กับสมาชิกใหม่ในครอบครัวของคุณ การเล่นเกมไล่จับของเล่นหรือการนั่งกอดกันบนโซฟาเพื่อดูหนังจะช่วยสร้างความผูกพันที่ยาวนานระหว่างคุณกับลูกแมวของคุณ

    ________________________________________________________________________________________________________________

    ที่ Wellness, เรารักการเห็นความสุขที่ลูกแมวมอบให้กับครอบครัว นั่นเป็นเหตุผลที่เราทำงานหนักเพื่อให้แน่ใจว่าอาหารทุกชนิดของเรามีคุณค่าทางโภชนาการและออกแบบมาเพื่อสนับสนุนสุขภาพระยะยาวของลูกแมวในขณะที่มันเติบโต อย่าลืมเตรียมอาหารและขนมที่ดีต่อสุขภาพสำหรับลูกแมวก่อนที่คุณจะนำเจ้าลูกแมวขนฟูของคุณกลับบ้าน และนำเคล็ดลับสำหรับเจ้าของลูกแมวมือใหม่ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ครับ

    👉 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :
    ทักแชท: m.me/wellnesspetfoodthailand
    Website: https://www.wellnesspetfood.co.th/
    .
    🌟แชร์ชีวิตที่ดีร่วมกัน แชร์ WELLNESS อาหารสัตว์เลี้ยงที่แนะนำโดยสัตวแพทย์ 🌟

    🛒 หาซื้อได้แล้ววันนี้ ที่ร้านเพ็ทช็อปชั้นนำทั่วไป

    อาหารที่ดีที่สุดและมีคุณค่าทางโภชนาการสูงสุดสำหรับลูกสุนัขคืออะไร?

    อาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูกสุนัขคืออะไร?

    คุณต้องการให้อาหารที่ดีที่สุดแก่ลูกสุนัขตัวใหม่ของคุณ แต่แล้วอาหารที่ดีที่สุดและมีคุณค่าทางโภชนาการสูงสุดพร้อมการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์สำหรับลูกสุนัขที่ช่วยให้เติบโตและมีสุขภาพที่ดีนั้นคืออะไร?

    เมื่อเทียบกับสุนัขโตเต็มวัย ลูกสุนัขต้องการโภชนาการที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อการเจริญเติบโต นั่นหมายความว่าอย่างไร? ฉันได้ถามผู้เชี่ยวชาญ – สัตวแพทย์จาก Wellness Pet Food, Dr. Danielle Bernal – ว่าคุณต้องทำอย่างไรเพื่อให้แน่ใจว่าคุณเลือกอาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูกสุนัข

    ________________________________________________________________________________________________________________

    ก่อนอื่น ให้ตรวจสอบฉลาก

    เช่นเดียวกับการเลือกซื้ออาหารสำหรับมื้อของคุณ ควรตรวจสอบฉลากอาหารสำหรับลูกสุนัขเสมอ

    เมื่อคุณไปช้อปปิ้งเพื่อซื้ออาหาร, เบอร์นัลกล่าวว่าให้มองหาสิ่งต่อไปนี้บนฉลาก:

    • ขนาดพันธุ์ที่ระบุ: โภชนาการจะแตกต่างกันตามขนาดพันธุ์ของลูกสุนัข (เล็ก, กลาง และใหญ่) ดังนั้นแบรนด์ที่รองรับความต้องการของแต่ละขนาดเป็นสิ่งสำคัญในการปรับอาหารให้เหมาะสมกับลูกสุนัขแต่ละตัว
    • ผลิตและพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เพื่อสนับสนุนลูกสุนัข: ดังนั้นคุณจึงมั่นใจได้ว่าอาหารถูกออกแบบมาเพื่อการเติบโตและไม่ใช่เพื่อการรักษาน้ำหนัก เพราะสุนัขผู้ใหญ่มีความต้องการทางโภชนาการที่แตกต่างกัน
    • โภชนาการเพื่อสุขภาพร่างกายทั้งหมด: สูตรอาหารสำหรับลูกสุนัขออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการเติบโตและการพัฒนาอย่างมีสุขภาพดี แต่คุณยังต้องมั่นใจว่าโภชนาการของพวกมันช่วยให้ดูดีและรู้สึกดีที่สุด โดยการสนับสนุน 5 สัญญาณแห่งความเป็นอยู่ที่ดี: ผิวและขนที่สุขภาพดี, การย่อยอาหารที่เหมาะสม, พลังงานที่ดี, สุขภาพระบบภูมิคุ้มกัน และฟันและกระดูกที่แข็งแรง
    • คุณภาพของส่วนผสม: คุณต้องการเนื้อสัตว์สดเป็นอันดับแรก และอาหารเนื้อสัตว์ที่เข้มข้น ซึ่งเป็นส่วนผสมที่คุณสามารถรับรู้ได้
    • ส่วนผสมที่ควรหลีกเลี่ยง: ผลิตภัณฑ์พลอยได้, เนื้อสัตว์ที่ไม่ระบุชื่อ, สี, รสชาติ และสารกันบูดเทียม
    • คำแนะนำจากสัตวแพทย์: สัตวแพทย์เป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับหนึ่งเมื่อพูดถึงเรื่องสุนัข ดังนั้นหากรู้ว่าแบรนด์ได้รับคำแนะนำจากสัตวแพทย์ก็เป็นสัญญาณที่ดีว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ
    • ลูกสุนัขจะต้องการพลังงานมากขึ้น ดังนั้นคุณอาจเห็นว่าไขมันเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสุนัขผู้ใหญ่ และแหล่งที่ดีที่ควรมองหาคือไขมันจากสัตว์ เช่น ไขมันไก่ รวมถึงแหล่งที่อุดมไปด้วยโอเมก้า เช่น เมล็ดแฟลกซ์และน้ำมันปลา
    • เส้นใย, พรีไบโอติกส์ และโปรไบโอติกส์จะช่วยสนับสนุนสุขภาพการย่อยอาหาร ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับลูกสุนัขที่เริ่มฝึกขับถ่าย ดังนั้นอุจจาระที่แข็งและไม่บ่อยจะเป็นเรื่องที่ดี
    • วิตามินที่เพิ่มขึ้นเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน, กลูโคซามีนและคอนดรอยตินเพื่อการเติบโตของข้อต่อที่แข็งแรง และ DHA ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าทำให้ลูกสุนัขฉลาดขึ้นและฝึกได้ง่ายขึ้น

    อาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูกสุนัขจะช่วยให้ลูกสุนัขของคุณมีความพร้อมในการใช้ชีวิต โดยอาศัยฐานของส่วนผสมที่มีคุณภาพดีที่สุด ตัวอย่างเช่น สูตรอาหาร Wellness CORE Puppy มีส่วนผสมที่มีเป้าหมายในการทำงานแต่ละอย่าง เช่น เนื้อสดเพื่อรสชาติและโปรตีน, DHA จากน้ำมันปลา ที่ช่วยให้ลูกสุนัขฉลาดขึ้นและฝึกได้ง่ายขึ้น รวมถึงส่วนผสมที่มีคุณภาพสูงและเต็มไปด้วยความสมบูรณ์และประโยชน์

    โปรตีน, คุณภาพ, และปริมาณ:

    เมื่อพูดถึงโปรตีนที่เหมาะสม เบอร์นัลกล่าวว่าให้เลือกทั้งคุณภาพและปริมาณ

    ในเรื่องของคุณภาพ ให้มองหาโปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่ให้กรดอะมิโนที่ครบถ้วนและช่วยในการย่อยได้ง่าย ส่วนในเรื่องของปริมาณ Wellness ปรับปริมาณอาหารให้เหมาะสมกับการเติบโตที่ดี ดังนั้นจึงมีปริมาณที่สูงกว่าของอาหารสำหรับสุนัขโต แต่ปรับให้เหมาะสมกับขนาดพันธุ์ของลูกสุนัข

    เวลาให้อาหาร:

    คุณควรให้อาหารลูกสุนัขบ่อยแค่ไหน? ลูกสุนัขต้องการอาหารในปริมาณน้อยและบ่อย ในช่วงเดือนแรกๆ ของชีวิตลูกสุนัข พวกมันจะต้องการอาหารมื้อเล็กๆ ตลอดวัน ขณะที่พวกมันกำลังปรับตัวจากนมแม่มาเป็นอาหารแข็ง “เมื่ออายุประมาณสี่เดือน ลูกสุนัขสามารถเริ่มกินอาหารได้ประมาณสามมื้อต่อวัน” ดร.เบอร์นัลกล่าว “หลังจากนั้น ลูกสุนัขจะเริ่มกินสองมื้อต่อวัน การให้อาหารสามหรือสี่มื้อต่อวันจะช่วยให้ลูกสุนัขย่อยอาหารได้ง่ายขึ้นและรักษาระดับพลังงานให้อยู่ในระดับที่สม่ำเสมอ” สิ่งสำคัญคือต้องระมัดระวังไม่ให้อาหารมากเกินไป เพราะลูกสุนัขที่อ้วนเกินไปมีโอกาสที่จะเป็นสุนัขที่อ้วนเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่.

    ________________________________________________________________________________________________________________

    อาหารลูกสุนัขที่ดีที่สุดคืออาหารเปียกหรืออาหารเม็ด?

    คุณควรให้อาหารเปียกหรืออาหารเม็ดกับลูกสุนัขของคุณ? นี่ขึ้นอยู่กับความชอบของสุนัขแต่ละตัว (และเจ้าของ) แต่การผสมผสานระหว่างอาหารเปียกและอาหารเม็ดจะช่วยสนับสนุนสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี Bernal แนะนำดังนี้เมื่อคุณเลือกให้อาหารเม็ดหรืออาหารเปียก:

    อาหารเม็ด: เป็นตัวเลือกที่สะดวกและคุ้มค่าที่สุดสำหรับเจ้าของสัตว์เลี้ยง เพราะสามารถทิ้งไว้ให้สุนัขกินได้ตามต้องการ อาหารแห้งเป็นแหล่งสารอาหารที่หนาแน่น ซึ่งมีส่วนผสมของอาหารที่มีคุณประโยชน์และการเสริมสุขภาพต่างๆ ที่ช่วยส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดี รวมถึงช่วยสนับสนุนสุขภาพฟันด้วยเนื้อสัมผัสที่กรอบ

    อาหารเปียก: อาหารกระป๋องสำหรับลูกสุนัขจะมีความชื้นสูงถึง 75 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นมื้ออร่อยที่จะช่วยกระตุ้นให้ลูกสุนัขกินอาหารหรือเพียงแค่เพลิดเพลินกับมื้ออาหารของมัน แต่ยังเป็นแหล่งน้ำที่ดีอีกด้วย แบรนด์อาหารเปียกคุณภาพสูงควรมีส่วนผสมที่มีคุณภาพเดียวกับที่คุณพบในอาหารเม็ด ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนผสมของ “เนื้อ” ที่ไม่ระบุชื่อ ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ที่เป็นผลพลอยได้ น้ำตาล และส่วนผสมสังเคราะห์ที่มักพบในแบรนด์ที่ขายตามซูเปอร์มาร์เก็ต

    👉 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :
    ทักแชท: m.me/wellnesspetfoodthailand
    Website: https://www.wellnesspetfood.co.th/
    .
    🌟แชร์ชีวิตที่ดีร่วมกัน แชร์ WELLNESS อาหารสัตว์เลี้ยงที่แนะนำโดยสัตวแพทย์ 🌟

    🛒 หาซื้อได้แล้ววันนี้ ที่ร้านเพ็ทช็อปชั้นนำทั่วไป

    สุดยอดคู่มือ: ควรให้อาหารสุนัขของคุณมากแค่ไหน

    ควรให้อาหารเม็ดสุนัขปริมาณเท่าไหร่?

    การให้อาหารสุนัขของคุณอย่างถูกต้องเป็นส่วนสำคัญของการเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยง อาหารที่เหมาะสมจะให้พลังงานที่สุนัขของคุณต้องการเพื่อใช้ชีวิตอย่างดีที่สุดและสนับสนุน 5 สัญญาณของสุขภาพที่ดี อย่างไรก็ตาม การหาว่าควรให้อาหารสุนัขของคุณมากแค่ไหนอาจทำให้รู้สึกสับสน มีอาหารหลายประเภทในตลาดและสุนัขแต่ละตัวก็มีความต้องการที่แตกต่างกันไป อ่านต่อเพื่อดูเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณสามารถจัดการกับความท้าทายนี้และหาว่าอาหารแบบไหนที่เหมาะสมสำหรับสัตว์เลี้ยงที่คุณรัก.

    ________________________________________________________________________________________________________________

    การเลือกอาหาร

    อันดับแรก คุณจะต้องเริ่มต้นด้วยการเลือกอาหารที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของสุนัขของคุณ คุณสามารถหาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับอายุ ขนาด น้ำหนัก สารก่อภูมิแพ้ และความต้องการอื่น ๆ ของสุนัขได้ เลือกแบรนด์ที่มีคุณภาพและส่วนผสมที่ยอดเยี่ยม สำหรับคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกอาหาร ดูบทความของเราเกี่ยวกับการเลือกอาหารเม็ดที่ดีที่สุดสำหรับสุนัขของคุณ.

    ตรวจสอบฉลาก

    อาหารคุณภาพดีจะมีแนวทางการให้อาหารในฉลาก ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แนวทางเหล่านี้จะมีคำแนะนำที่แตกต่างกันตามอายุและขนาดของสุนัข โดยอาจแนะนำปริมาณอาหารที่ควรให้อาหารต่อวันหรือปริมาณที่ควรให้ในแต่ละครั้ง แม้ว่าแนวทางเหล่านี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่ก็ต้องจำไว้ว่ามันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น สุนัขแต่ละตัวมีความเป็นเอกลักษณ์ หากคุณสังเกตเห็นว่าสุนัขของคุณมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นจากการให้อาหารตามคำแนะนำ ให้ลองลดปริมาณลง 10% หากเห็นผลตรงกันข้ามและสุนัขของคุณมีน้ำหนักลดลง ให้ลองเพิ่มปริมาณขึ้น 10% และติดตามผลอย่างต่อเนื่อง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณกำลังตรวจสุขภาพสุนัขของคุณอย่างสม่ำเสมอเพื่อติดตามน้ำหนักและตรวจหาปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อการเพิ่มหรือลดน้ำหนัก สัตวแพทย์ของคุณอาจมีคำแนะนำในการปรับสัดส่วนการให้อาหารได้ด้วย.

    พิจารณาอายุ

    หากสุนัขของคุณเป็นลูกสุนัข คุณต้องจำไว้ว่าพวกมันกำลังเติบโตตลอดเวลา! คุณจะต้องติดตามการเจริญเติบโตและปรับปริมาณอาหารตามความจำเป็น เมื่อสุนัขของคุณโตขึ้น คุณอาจพิจารณาการเปลี่ยนประเภทอาหารที่ให้เพื่อรองรับความต้องการด้านโภชนาการที่เปลี่ยนแปลงไป อาหารสำหรับช่วงชีวิตที่แตกต่างกันสามารถช่วยรองรับความต้องการด้านโภชนาการที่เปลี่ยนแปลงของสุนัขเมื่อพวกมันโตและพัฒนา สุนัขที่อายุมากอาจต้องการแคลอรี่ที่น้อยลง แต่สุนัขที่สูงวัยอาจต้องการสารอาหารและแคลอรี่เพิ่มเติมเนื่องจากกระบวนการชราตามธรรมชาติ.

    ภาพรวมทั้งหมด

    พิจารณาภาพรวมทั้งหมดเมื่อคุณคำนวณความต้องการอาหารของสุนัขของคุณ การรับประทานอาหารของสุนัขอาจรวมถึงมากกว่ามื้ออาหารปกติของพวกมัน ตัวอย่างเช่น พวกมันทานอาหารเปียกและอาหารเม็ดร่วมกันหรือไม่? พวกมันได้รับขนมเป็นประจำหรือไม่? คุณจะต้องพิจารณาทั้งหมดที่เกี่ยวกับการบริโภคแคลอรี่ของสุนัขเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและการสนับสนุนทางโภชนาการที่เหมาะสม.

    การรวมอาหารหลากหลายประเภท

    หากคุณเลือกที่จะรวมอาหารเปียกและอาหารเม็ดเข้าด้วยกัน ให้แน่ใจว่าทั้งสองประเภทเป็นอาหารที่สมบูรณ์และมีความสมดุล หากเป็นเช่นนั้น คุณสามารถใช้ร่วมกันในการคำนวณปริมาณอาหารทั้งหมดที่สุนัขของคุณควรได้รับในแต่ละวันได้อย่างแม่นยำ ตัวอย่างเช่น หากสุนัขของคุณมีน้ำหนักตัวที่ดีและคุณตัดสินใจเปลี่ยนแปลง 20% ของแคลอรี่ทั้งหมดของสุนัขให้เป็นอาหารเปียก คุณควรลดปริมาณอาหารเม็ดที่ให้สุนัขไป 20% เพื่อรักษาน้ำหนักให้คงที่ ตรวจสอบฉลากของอาหารเปียกสำหรับคำแนะนำในการให้อาหาร ส่วนใหญ่จะมีคำแนะนำเกี่ยวกับปริมาณอาหารที่เหมาะสมและอัตราส่วนในการให้อาหาร พวกเขาอาจมีการแปลงที่ระบุว่าอาหารเปียก 1 กระป๋องสามารถแทนที่อาหารเม็ดของแบรนด์นี้ได้เท่าใด แต่ต้องจำไว้ว่าการแปลงนี้มักจะไม่สามารถใช้ข้ามแบรนด์ได้ เพราะแต่ละแบรนด์มีความเฉพาะตัว อาหารส่วนใหญ่ของสุนัขของคุณควรประกอบด้วยอาหารที่สมบูรณ์และสมดุล (อีกครั้ง, ตรวจสอบฉลาก!) ขนม, ผสม, และท็อปเปอร์สามารถให้ได้ แต่ไม่ควรเกิน 10% ของการบริโภคในแต่ละวัน อย่าลืมที่จะพิจารณาส่วนเหล่านี้เมื่อคำนวณแคลอรี่รวมของสุนัขของคุณ.

    คุณควรให้อาหารสุนัขบ่อยแค่ไหน?

    เมื่อคุณได้ตัดสินใจแล้วว่าควรให้อาหารสุนัขมากน้อยแค่ไหนในแต่ละวัน คุณอาจสงสัยว่าจะแบ่งอาหารออกเป็นจำนวนครั้งในแต่ละวันอย่างไร การให้อาหารบ่อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับทั้งคุณและสุนัขของคุณ ตัวอย่างเช่น ความสะดวกเป็นปัจจัยหนึ่งหรือไม่? คุณต้องการให้สุนัขของคุณกินอาหารพร้อมกับคุณเพื่อไม่ให้มันมาขออาหารขณะทานอาหารหรือเปล่า? หรือคุณอยากให้อาหารมันเมื่อคุณออกไปทำงานเพื่อช่วยลดความเครียดจากการแยกจากกัน? สุนัขบางตัวอาจกินอาหารน้อย แต่หลายมื้อในแต่ละวัน ขณะที่บางตัวอาจจะได้รับอาหารทั้งหมดในครั้งเดียวและกินระหว่างวันตามปกติ วิธีที่ดีที่สุดสำหรับคุณและสุนัขของคุณน่าจะเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด ตราบใดที่พวกมันได้รับปริมาณอาหารที่เหมาะสมตามที่คุณได้ตัดสินใจไว้.

    ตัวอย่างปริมาณการให้อาหาร Wellness CORE สูตร Puppy ในแต่ละวัน
    ตัวอย่างปริมาณการให้อาหาร Wellness CORE สูตร Original ในแต่ละวัน
    ตัวอย่างปริมาณการให้อาหาร Wellness CORE สูตร Small Breed ในแต่ละวัน
    ตัวอย่างปริมาณการให้อาหาร Wellness CORE สูตร Ocean ในแต่ละวัน
    ตัวอย่างปริมาณการให้อาหาร Wellness CORE สูตร Healthy Weight ในแต่ละวัน
    ตัวอย่างปริมาณการให้อาหาร Wellness CORE สูตร Age Advantage ในแต่ละวัน

    👉 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :
    ทักแชท: m.me/wellnesspetfoodthailand
    Website: https://www.wellnesspetfood.co.th/
    .
    🌟แชร์ชีวิตที่ดีร่วมกัน แชร์ WELLNESS อาหารสัตว์เลี้ยงที่แนะนำโดยสัตวแพทย์ 🌟

    🛒 หาซื้อได้แล้ววันนี้ ที่ร้านเพ็ทช็อปชั้นนำทั่วไป

    5 สัญญาณที่บ่งบอกว่าสุนัขของคุณเป็นสุนัขสูงอายุ

    When is a dog considered senior?

    ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสุนัข การแก่ชราก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เช่นเดียวกับการล่องเรือและการเล่นบิงโก ปีทองของคนมักจะมีอาการข้อเจ็บ ปรึกษาหมอมากขึ้น และความต้องการด้านอาหารที่เปลี่ยนไป สำหรับสุนัขก็ไม่ต่างกัน เมื่อสุนัขเข้าสู่ช่วงอายุสูง เจ้าของต้องปรับเปลี่ยนอาหารและดูแลความต้องการด้านสุขภาพที่เปลี่ยนแปลงไปตามวัยของพวกมัน.

    แต่เมื่อไหร่ที่สุนัขถือว่าเป็นสุนัขสูงอายุ? สุนัขมีการแก่ชราที่แตกต่างกันออกไป และสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์สีดำที่อายุ 10 ปีของคุณอาจจะยังคงเต็มไปด้วยพลังเหมือนเดิม การที่สุนัขเริ่มแก่ขึ้นไม่ได้หมายความว่ามันใกล้จะถึงช่วงสุดท้ายของชีวิต แต่การทำการเปลี่ยนแปลงบางอย่างจะช่วยยืดอายุขัยของมันได้แน่นอน ลองตรวจสอบ 5 สัญญาณต่อไปนี้เพื่อพิจารณาว่าถึงเวลาที่จะทำการปรับเปลี่ยนบางอย่างแล้วหรือยัง.

    ________________________________________________________________________________________________________________

    1.อายุ

    ถามตัวเองว่า “เมื่อไหร่ที่สุนัขของฉันถือว่าเป็นสุนัขสูงอายุ?” ปัจจัยแรกที่คุณจะคิดถึงแน่นอนคืออายุ ชีวิตของสุนัขแบ่งออกเป็นสามช่วงหลัก: ลูกสุนัข, สุนัขโต, และสุนัขสูงอายุ เมื่อสุนัขโตเต็มที่เข้าสู่ช่วงสูงอายุจะขึ้นอยู่กับพันธุ์ของมัน สุนัขพันธุ์เล็กมักมีอายุยืนยาวกว่าสุนัขพันธุ์ใหญ่และจะไม่ถือว่าเป็นสุนัขสูงอายุจนกว่าจะมีอายุประมาณ 9 ปี ขณะที่พันธุ์ขนาดกลางจะถือว่าเป็นสุนัขสูงอายุเมื่อมีอายุ 7 ปี พันธุ์ใหญ่ เช่น เบอร์นีส เมาท์เทน ด็อก และเกรต เดนส์ จะถือเป็นสุนัขสูงอายุได้ตั้งแต่อายุ 5 ถึง 6 ปี.

    2.ความอยากอาหาร

    เมื่อสุนัขเริ่มแก่ขึ้น ความอยากอาหารของพวกมันจะลดลง การที่ฟิโดไม่ทานอาหารจนหมดถ้วยอย่างที่เคยอาจทำให้รู้สึกตกใจ เพราะการลดความอยากอาหารมักบ่งบอกถึงการเจ็บป่วย แต่การที่สุนัขสูงอายุทานอาหารน้อยลงถือเป็นเรื่องปกติ สุนัขสูงอายุมีการเผาผลาญช้าลงและใช้พลังงานน้อยลง ดังนั้นพวกมันจะไม่ต้องการอาหารมากเท่าที่เคย เมื่อความอยากอาหารลดลง สุนัขมักจะมีน้ำหนักลดลงเมื่อเข้าสู่ช่วงอายุสูง.

    3.ความอ่อนล้า

    เมื่อการเผาผลาญช้าลง สุนัขที่สูงอายุก็จะรู้สึกอ่อนล้ามากขึ้น พวกมันยังคงสนใจเวลาเล่นอยู่ แต่ความทนทานของพวกมันจะไม่เหมือนตอนที่ยังหนุ่มสาว สุนัขสูงอายุจะนอนหลับบ่อย ๆ ด้วย! สุนัขสูงอายุอาจจะนอนหลับตั้งแต่ 15 ถึง 20 ชั่วโมงต่อวัน.

    4.ความสมดุล

    เหมือนกับคน การแก่ชราของสุนัขทำให้กระดูกเจ็บและอาจเกิดความไม่สมดุลได้ สุนัขที่สูงอายุทานอาหารน้อยลงและสูญเสียมวลกล้ามเนื้อไปบางส่วน ดังนั้นพวกมันจึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน ปัญหาความสมดุลถือเป็นเรื่องปกติสำหรับสุนัขสูงอายุ คุณอาจต้องช่วยสุนัขสูงอายุของคุณขึ้นรถ หรือคอยระวังขณะที่มันเดินลงบันได.

    5.ความจำ

    สมองของสุนัขของคุณกำลังแก่ชราตามร่างกายของมัน ดังนั้นการที่สุนัขสูงอายุจะมีอาการหลงลืมบ้างจึงไม่ใช่เรื่องแปลก สุนัขของคุณอาจดูงุนงงหรือหลงลืมบ้างเป็นครั้งคราว คุณอาจเห็นการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมเมื่อสุนัขของคุณสูงอายุ เช่น ความหงุดหงิดที่เพิ่มขึ้น (โดยเฉพาะเมื่อเล่นกับลูกสุนัขหรือสุนัขที่มีพลังเยอะ) หรือความวิตกกังวล อย่างไรก็ตาม สุนัขไม่ว่าจะอายุเท่าใดก็ยังสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้ แม้ว่าจะมีความเชื่อผิด ๆ ว่าไม่สามารถสอนลูกสุนัขแก่ ๆ ให้ทำสิ่งใหม่ ๆ ได้.

    อาหารสุนัข Wellness CORE สูตร Age Advantage เหมาะกับสุนัขที่แก่ชรา มี Omega 3 และ 6 ที่เหมาะสม และยังมีกลูโคซามีนกับคอนดอยตินที่ช่วยเรื่องไขข้ออีกด้วย

    ________________________________________________________________________________________________________________

    หากสุนัขของคุณมีอาการใด ๆ ตามที่กล่าวมาข้างต้น จำไว้ว่าการแก่ชราคือส่วนหนึ่งของชีวิต สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เจ้าของสุนัขสามารถทำได้คือการปรึกษาสัตวแพทย์และทำการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย ลงทุนซื้อที่นอนที่สะดวกสบายเป็นพิเศษสำหรับสุนัขที่มีอาการปวดข้อ ฝึกฝนความอดทนหากสุนัขของคุณดูเหมือนไม่ค่อยเล่นหรือดูสับสน และที่สำคัญที่สุดคือเริ่มซื้ออาหารที่เหมาะสมกับอายุของสุนัข.

    อาหารสุนัขแบรนด์ Wellness มีอาหารสำหรับสุนัขสูงอายุที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของสุนัขของคุณ อาหารคุณภาพสูงสำหรับสุนัขสูงอายุควรมีแคลอรี่น้อยลง (เพื่อช่วยในการเผาผลาญที่ช้าลง) มีไฟเบอร์สูง (เพื่อช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ปกติ) และเต็มไปด้วยส่วนผสมที่ดีต่อสุขภาพเพื่อช่วยให้ร่างกาย (และสมอง) ของสุนัขแข็งแรง แม้ว่าคุณจะไม่สามารถหยุดกระบวนการแก่ชราได้ แต่การให้อาหารที่เหมาะสมกับสุนัขสูงอายุสามารถช่วยให้สุนัขของคุณมีชีวิตที่ยาวนานและมีความสุข มีตัวเลือกอาหารสำหรับสุนัขสูงอายุหลายตัวเลือก รวมถึง CORE Age Advantage ลองใช้เวลาสักครู่เพื่อตัดสินใจว่าอาหารสำหรับสุนัขสูงอายุแบบไหนที่ดีที่สุดสำหรับเพื่อนขนฟูของคุณ.

    👉 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :
    ทักแชท: m.me/wellnesspetfoodthailand
    Website: https://www.wellnesspetfood.co.th/
    .
    🌟แชร์ชีวิตที่ดีร่วมกัน แชร์ WELLNESS อาหารสัตว์เลี้ยงที่แนะนำโดยสัตวแพทย์ 🌟

    🛒 หาซื้อได้แล้ววันนี้ ที่ร้านเพ็ทช็อปชั้นนำทั่วไป

    เกี่ยวกับหน้านี้

    วันที่:

    30/07/2014

      รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อการดูแลสัตว์เลี้ยงอย่างดีที่สุด

      ลงชื่อเข้าใช้