อยากรู้หรือไม่ว่าอาหารที่คุณให้น้องหมาและน้องแมวนั้นพรีเมียมจริงหรือเปล่า?

พลิกหลังถุง การอ่านฉลากง่ายๆ เคล็ดลับสำหรับการเลือกอาหารสุนัขและแมวพรีเมียมให้กับลูกๆของคุณ

คุณเคยยืนอ่านฉลากด้านหลังถุงอาหารสัตว์เลี้ยงแล้วคิดว่า “นี่หมายถึงอะไรบ้าง?” หรือไม่? หากคุณเคยสงสัย บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจข้อมูลโภชนาการที่ระบุบนบรรจุภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงได้ง่ายขึ้น นี่คือ 5 ส่วนสำคัญที่ควรสังเกตเมื่อคุณตรวจสอบฉลากด้านหลังถุงอาหาร

1. รายการส่วนผสม

รายการส่วนผสมเป็นการบอกถึงทุกอย่างที่อยู่ในอาหาร โดยเรียงตามน้ำหนัก ส่วนผสมที่ใช้ในปริมาณมากที่สุดจะอยู่ลำดับแรก ๆ และส่วนผสมที่ใช้ในปริมาณน้อยกว่าจะอยู่ลำดับถัดมา วิธีนี้ช่วยให้คุณเห็นว่ามีอะไรเป็นส่วนประกอบหลักของอาหารนั้น ๆ

การเลือกอาหารพรีเมียมสำหรับสุนัขและแมวจะต้องคำนึงถึงส่วนผสมที่มีคุณภาพสูงและให้ประโยชน์ทางโภชนาการที่ครบถ้วน นี่คือวิธีการดูและพิจารณาส่วนผสมของอาหารสุนัขและแมวที่เป็นพรีเมียม

แบรนด์อาหารพรีเมียมส่วนใหญ่ จะโปร่งใสเรื่องส่วนผสมและมีข้อมูลให้ศึกษาเพิ่มเติ่ม เช่นแบรนด์ WELLNESS CORE จะมีข้อมูลส่วนผสม และ มีการชี้แจงอย่างชัดเจน พร้อมตารางจำแนกอาหารตามโภชนาการสำหรับทุกสูตร

1.1 ส่วนประกอบเนื้อสัตว์เป็นหลัก

  • เนื้อสัตว์สด (Whole Meat or Deboned Meat): อาหารพรีเมียมจะใช้เนื้อสัตว์สดเป็นส่วนผสมหลัก เช่น ไก่เลาะกระดูก (Deboned Chicken), เนื้อแกะสด (Fresh Lamb) หรือปลา เช่น ปลาแซลมอน เนื้อสัตว์สดมีคุณภาพสูงและเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญสำหรับสัตว์เลี้ยง เพิ่มความน่าทาน แต่เนื้อสดจะมีน้ำเป็นส่วนผสมกว่า 70% เมื่อผ่านกระบวนการผลิตอาหาร ปริมาณจะน้อยลง
  • Meat Meal (อาหารสัตว์จากเนื้อสัตว์แห้ง): หากเป็น Meat Meal ควรเป็น “Chicken Meal,” “Turkey Meal,” หรือเนื้อสัตว์อื่นที่ระบุชัดเจนว่ามาจากเนื้อสัตว์ที่มีคุณภาพ โดยไม่รวมถึงขนหรือหัว ส่วนประกอบนี้มีความเข้มข้นของโปรตีนมากกว่าเนื้อสด เนื่องจากน้ำถูกขจัดออกไปแล้ว

1.2 ไม่มีผลพลอยได้จากสัตว์ (No By-Products)

  • อาหารพรีเมียมจะหลีกเลี่ยง Meat By-Products หรือผลพลอยได้จากเนื้อสัตว์ เช่น ส่วนหัว ขน และลำไส้ ซึ่งเป็นส่วนผสมที่มีคุณภาพต่ำและอาจย่อยยากสำหรับสัตว์เลี้ยง

1.3 ไม่มีส่วนผสมจากธัญพืชเกรดต่ำ (ควรเป็น Grain-Free หรือ Whole Grains จะดี)

  • Grain-free คืออาหารที่ไม่มีส่วนประกอบของธัญพืช เช่น ข้าวโพดหรือข้าวสาลี เหมาะสำหรับสุนัขและแมวที่มีอาการแพ้ธัญพืช อาการแพ้ อาจมีหลายอาการเช่น เกิดคราบน้ำตา มีอาการคัน บวมแดง ตามร่างกาย แต่ต้องเข้าใจว่า Grain-free ไม่ได้แปลว่ามีคาร์โบไฮเดรตน้อย อาหารเหล่านี้อาจใช้แหล่งคาร์โบไฮเดรตอื่น เช่น มันฝรั่ง ถั่วลันเตา ถั่วเลนทิล หรือแครอทแทน ดังนั้นควรเน้นดูที่ส่วนประกอบและโภชนาการโดยรวมเป็นหลัก ไม่ใช่เพียงแค่คำว่า “Grain-free”
  • อาหารพรีเมียมมักจะเป็น Grain-Free หรือใช้ธัญพืชที่มีคุณภาพสูง เช่น ข้าวกล้อง (Brown Rice) หรือข้าวโอ๊ต (Oats) แทนธัญพืชเกรดต่ำ เช่น ข้าวโพด หรือข้าวสาลี ซึ่งอาจทำให้สัตว์เลี้ยงบางตัวแพ้ได้

1.4 ไม่มีสารเติมเต็ม (No Fillers)

  • อาหารพรีเมียมจะหลีกเลี่ยงการใช้สารเติมเต็มที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ เช่น ข้าวโพด แป้งข้าวสาลี หรือสารกันบูดเทียม สารเหล่านี้อาจก่อให้เกิดอาการแพ้และไม่มีประโยชน์ทางโภชนาการต่อสัตว์เลี้ยง

1.5 แหล่งไขมันที่ดี (Healthy Fats)

  • อาหารพรีเมียมควรมีไขมันจากแหล่งที่ดี เช่น น้ำมันปลาแซลมอน (Salmon Oil) หรือไขมันไก่ (Chicken Fat) ซึ่งเป็นแหล่งกรดไขมันจำเป็นอย่าง โอเมก้า 3 และ โอเมก้า 6 ที่ช่วยบำรุงผิวหนังและขนให้สุขภาพดี

1.6 แหล่งคาร์โบไฮเดรตคุณภาพสูง (High-Quality Carbohydrates)

  • หากมีส่วนผสมของคาร์โบไฮเดรต ควรเป็นมันฝรั่ง ถั่วลันเตา หรือข้าวกล้อง ซึ่งย่อยง่ายและให้พลังงานที่ดี ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นสูง

1.7 ไม่มีสารปรุงแต่งสังเคราะห์ (No Artificial Additives)

  • อาหารพรีเมียมจะปราศจากสี กลิ่น และรสชาติสังเคราะห์ รวมถึงสารกันบูดเทียม เช่น BHA, BHT หรือ Ethoxyquin ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงในระยะยาว

1.8 มีผักและผลไม้เสริมโภชนาการ (Fruits and Vegetables)

  • อาหารพรีเมียมมักมีการเพิ่มผักและผลไม้ เช่น บลูเบอร์รี่ แครอท ผักโขม หรือแอปเปิ้ล ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่ และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมสุขภาพให้กับสัตว์เลี้ยง

1.9. การรับรองความสมดุลทางโภชนาการ (Complete and Balanced)

  • อาหารพรีเมียมต้องมีคำรับรองว่าอาหารนั้นมีความครบถ้วนและสมดุลทางโภชนาการ ซึ่งหมายความว่าสามารถใช้เป็นแหล่งอาหารหลักสำหรับสุนัขหรือแมวในแต่ละช่วงวัย เช่น ลูกสัตว์เลี้ยง หรือสัตว์เลี้ยงที่โตเต็มวัย เช่น อาหารสุนัขและแมว Wellness CORE จะมี เกณฑ์จำแนกอาหารตามมาตรฐานโภชนาการ ให้ดาว์โหลด ในทุกสูตร

ตัวอย่างส่วนผสมที่ดีของสุนัขและแมว

2. การวิเคราะห์รับรอง (GUARANTEED ANALYSIS)

การวิเคราะห์รับรอง (Guaranteed Analysis) คล้ายกับ “ข้อมูลโภชนาการ” ที่เราพบในผลิตภัณฑ์อาหารมนุษย์ เป็นส่วนที่จำเป็นในฉลากอาหารสัตว์เลี้ยง และบอกถึงสารอาหารหลักในอาหาร สารอาหารสำคัญที่ต้องระบุ หลายๆ แบรนด์ในท้องตลาดจะมี การันตีเบื้องต้น เช่น %โปรตีน %ไขมัน %ใยอาหาร %เถ้า และ%ความชื้น

อาหารพรีเมียมมักมี %Guaranteed Analysis ที่เหนือกว่า เช่น

3. ปริมาณแคลอรี

อีกสิ่งที่ควรมองหาคือปริมาณแคลอรี ซึ่งมักระบุว่า “ME” หรือพลังงานเมตาบอลิซึม (Metabolizable Energy) ซึ่งเป็นการประมาณพลังงานที่ร่างกายสัตว์เลี้ยงจะได้รับจากอาหาร ค่านี้จะถูกใช้ในการคำนวณแนวทางการให้อาหารในแต่ละสูตร

การรู้ปริมาณแคลอรีในอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เจ้าของสามารถจัดการกับอาหารและสุขภาพของสัตว์เลี้ยงได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมน้ำหนัก, การปรับปริมาณอาหารตามช่วงวัยและกิจกรรม หรือการป้องกันปัญหาสุขภาพในระยะยาว การอ่านฉลากอาหารและรู้ปริมาณแคลอรีจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามในการดูแลสัตว์เลี้ยงอย่างถูกต้องและปลอดภัย

4. ปริมาณการให้อาหาร

แนวทางการให้อาหารมักระบุปริมาณอาหารที่แนะนำต่อวันในหน่วยที่เข้าใจง่าย เช่น ถ้วย (cups) บางแบรนด์เช่น WELLNESS CORE ยังระบุแนวทางการให้อาหารเป็นกรัมต่อวัน เพื่อให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงสามารถชั่งน้ำหนักอาหารอย่างแม่นยำ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยควบคุมน้ำหนักตัวของสัตว์เลี้ยงให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมได้ดียิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม แนวทางการให้อาหารเหล่านี้เป็นเพียงคำแนะนำเบื้องต้นเท่านั้น คุณควรปรับปริมาณอาหารตามความต้องการเฉพาะของสัตว์เลี้ยง เช่น ขนาด ระดับการออกกำลังกาย และการเผาผลาญพลังงานของแต่ละตัว

ปริมาณอาหารสัตว์เลี้ยงที่แนะนำต่อวัน

5. คำรับรองความครบถ้วนทางโภชนาการ

คำรับรองความครบถ้วนทางโภชนาการ (Nutritional Adequacy Statement) หรือการรับประกันโภชนาการ ระบุว่าอาหารนั้นมีสารอาหารครบถ้วนและสมดุลสำหรับสัตว์เลี้ยงในช่วงอายุหรือสภาวะที่แตกต่างกัน เช่น การเจริญเติบโต การสืบพันธุ์ หรือการบำรุงรักษาสำหรับสัตว์เลี้ยงโตเต็มวัย หากอาหารระบุว่า “ครบถ้วนและสมดุล หรือ Complete & Balance” หมายความว่าอาหารนี้มีสารอาหารทั้งหมดที่สัตว์เลี้ยงต้องการและสามารถใช้เป็นแหล่งอาหารหลักได้

เมื่อคุณเข้าใจทั้ง 5 ส่วนนี้แล้ว คุณจะสามารถเลือกอาหารที่เหมาะสมและให้ประโยชน์ต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงของคุณได้ดียิ่งขึ้น!

หากท่านใดกำลังค้นหา อาหารพรีเมียมสำหรับสุนัขและแมว ที่ดีครบทั้ง 5 ข้อที่ กล่าวมา แอดมินแนะนำ อาหารสุนัข และแมว Wellness CORE และสามารถดู ส่วนผสมที่มีคุณภาพ ได้ที่นี่ คลิ๊ก

สามารถหาซื้ออาหารสุนัขและแมว พรีเมียม แบรนด์ Wellness CORE ได้ที่ร้านเพ็ทช็อปชั้นนำทั่วประเทศหรือ Wellness Pet Food Thailand Official Store

New CORE Digestive Health Foods for Dogs and Cats
Thumbnail

There’s nothing pets love more than a good belly rub, and now, they’ll have happy bellies for a new reason. Wellness® Natural Pet Food, maker of food and treats for dogs and cats, presents Wellness CORE® Digestive Health, a line of recipes that are crafted with digestive enzymes, prebiotic fibers and probiotics to promote wellbeing from the inside out.

wellness core digestive health cat food
Wellness CORE® Digestive Health recipes are crafted with prebiotic fibers and probiotics to promote wellbeing from the inside out.

A healthy pet starts with a happy belly because gut health goes beyond just the digestive system. Digestive health is responsible for seventy percent of the immune system, impacts overall wellbeing and supports protection from toxins and allergens. Wellness CORE Digestive Health products are highly digestible, support a healthy microbiome and immunity, promote lustrous coat and healthy skin and encourage vitality for optimal energy, helping pets achieve whole-body health. This addition to the Wellness CORE family was scientifically crafted by a team of nutritional experts to support digestive health and fuel pets’ best lives.

The new CORE Digestive Health product line comes in response to the growing number of pet parents who are looking to naturally support their pets’ digestive health through their daily meals and nutrition sources. Research conducted by Wellness[1] revealed that 78 percent of pet parents rank easier digestion or better digestion as extremely or very important when weighing health benefits provided in food for dogs or cats. Available in both dry and wet recipes, Wellness CORE Digestive Health provides a product for every pet belly:

  • Wellness CORE Digestive Health Probiotic-Coated Kibble Recipes with Wholesome Grains are formulated with no added wheat, corn, soy, or artificial colors, flavors or preservatives. The probiotic-coated kibble is crafted with digestive enzymes and a unique blend of prebiotic fibers to support digestive health for wellbeing. Kibble recipes for dogs are available in Whitefish and Brown Rice, Chicken and Brown Rice and Small Breed Chicken & Brown Rice recipes. Kibble recipes for cats are available in Chicken & Rice and Salmon & Rice recipes. 
  • Wellness CORE Digestive Health Pate Recipes provide savory flavor and texture with superfoods such as pumpkin and papaya to promote digestive health, plus Omega-3 fatty acids to help nourish skin and coat and essential vitamins and minerals to support immunity. Pate recipes for dogs are available in Chicken, Beef, and Lamb recipes. A pate variety pack is available with Chicken & Beef recipes. Cats can enjoy pate wet recipes in Chicken, Turkey, Whitefish, and Salmon recipes, or select multiple flavors in the Chicken & Turkey variety pack and Salmon & Whitefish variety pack.

“At Wellness, the root of everything we do is focused on promoting our pets’ best lives, and the Wellness CORE Digestive Health product line is our latest innovation to deliver what pet parents want and what we know pets need to achieve overall wellness,” said Dr. Danielle Bernal, staff veterinarian at Wellness Natural Pet Food. “For the same reason we seek it for ourselves, we seek it for our pets: digestive health is the gateway to whole-body wellbeing. We’re proud to bring our first pet food with digestive enzymes to the market through this innovative new family of products.”

Wellness CORE Digestive Health recipes are heading to Pet Specialty stores and online retailers starting now. For more information, please check the WHERE TO BUY section on our Wellness website or contact us via CHAT and we’d be happy to help!

1 Hanover Research Group survey of U.S. cat or dog owners, May 2020.
อาหารสุนัขแบบฟรีซดรายมีประโยชน์อย่างไร ?
brown and tan healthy dog

ปัจจุบัน อาหารสุนัขมีหลากหลายรูปแบบ รสชาติ และลักษณะให้เลือกมากมาย เนื่องจากอาหารสุนัขแบบฟรีซดรายกำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ผู้เลี้ยงสัตว์หลายคนจึงมีคำถามเกี่ยวกับอาหารสุนัขประเภทใหม่นี้ ในที่นี้ เราจะอธิบายว่าอาหารสุนัขแบบฟรีซดรายคืออะไร รวมถึงประโยชน์และความท้าทายที่มากับการให้อาหารสุนัขของคุณในรูปแบบนี้ จากนั้นเราจะให้คำแนะนำวิธีการผสมผสานอาหารแบบฟรีซดรายเข้าไปในอาหารประจำวันของสุนัขคุณ

ก่อนอื่นเรามาพูดถึงเหตุผลว่าทำไมอาหารสุนัขแบบฟรีซดรายถึงได้รับความนิยม ผู้เลี้ยงสัตว์และนักโภชนาการต่างเห็นพ้องกันว่าโปรตีนคุณภาพสูง เช่น ไก่งวง ไก่ หรือแซลมอน ซึ่งมักพบในอาหารแบบฟรีซดราย ให้สารอาหารที่ยอดเยี่ยม โปรตีนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและการบำรุงรักษาเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกายของสุนัขเกือบทุกส่วน ในระดับโมเลกุล โปรตีนจากอาหารให้กรดอะมิโนที่จำเป็นสำหรับร่างกายในการสร้างขน ผิวหนัง กล้ามเนื้อ กระดูกอ่อน เอ็น และเส้นเอ็น และสำหรับสุนัข อาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีนมักจะเป็นที่ชื่นชอบมากที่สุด เพราะส่วนผสมเนื้อสัตว์คุณภาพสูงจะมีกลิ่นหอมและรสชาติที่อร่อย

อาหารสุนัขแบบฟรีซดรายคืออะไร?
การฟรีซดรายเป็นเทคนิคที่ใช้ในการเก็บรักษาส่วนผสมดิบ เช่น เนื้อสด เพื่อผลิตอาหารสุนัขที่ปลอดภัย เก็บได้นาน และมีน้ำหนักเบา อาหารสุนัขแบบฟรีซดรายนั้นจัดเป็นอาหารดิบในทางเทคนิคและอุดมไปด้วยสารอาหาร

การให้อาหารสุนัขแบบฟรีซดรายมีประโยชน์อย่างไร?
อาหารสุนัขแบบฟรีซดรายให้สารอาหารที่ผ่านการแปรรูปน้อยที่สุดสำหรับสุนัข ซึ่งเหมาะกับผู้เลี้ยงที่กำลังมองหาทางเลือกแทนอาหารเม็ดธรรมดา ด้วยรสชาติที่ยอดเยี่ยม อาหารสุนัขแบบฟรีซดรายสามารถใช้เป็นมื้ออาหารหลักสำหรับสุนัขที่กินยาก หรือใช้เป็นท็อปเปอร์ที่อร่อยสำหรับสุนัขทุกตัว เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับมื้ออาหาร

  • ผ่านการแปรรูปน้อยที่สุด
  • รักษารสชาติของส่วนผสมเนื้อสัตว์
  • รักษาคุณค่าทางโภชนาการของส่วนผสม

อาหารสุนัขแบบฟรีซดรายทำอย่างไร ?
การฟรีซดรายเป็นรูปแบบพิเศษของการอบแห้งที่กำจัดความชื้นออกจากอาหารที่อุณหภูมิต่ำมาก ในกระบวนการฟรีซดราย ส่วนผสมดิบจะถูกแช่แข็งก่อน จากนั้นนำไปใส่ในเครื่องสูญญากาศที่เปลี่ยนน้ำในอาหารให้เป็นไอ คุณอาจเคยซื้ออาหารฟรีซดรายมาแล้ว เช่น กาแฟสำเร็จรูปหรือซีเรียลที่มีผลไม้ฟรีซดราย

การฟรีซดรายส่งผลต่อคุณค่าทางโภชนาการของอาหารอย่างไร?
การฟรีซดรายช่วยรักษาคุณค่าทางโภชนาการของส่วนผสมดิบได้มากกว่าวิธีอื่นๆ เช่น การปรุงอาหารหรือการทำให้อาหารสัตว์แห้ง เนื่องจากส่วนผสมของเนื้อดิบถูกฟรีซดราย กระบวนการนี้ช่วยให้สารอาหารที่มีประโยชน์ตามธรรมชาติยังคงอยู่ครบถ้วน

มีอาหารสุนัขแบบฟรีซดรายประเภทใดบ้าง?
อาหารสุนัขแบบฟรีซดรายมีหลากหลายประเภท ตั้งแต่ขนมเนื้ออร่อยๆ อาหารฟรีซดรายที่ใช้เป็นท็อปเปอร์ หรือมิกซ์เซอร์ ไปจนถึงอาหารแบบครบถ้วนและสมดุลที่สามารถใช้เป็นมื้อหลักได้

อาหารสุนัขแบบฟรีซดรายทั้งหมดเหมือนกันหรือไม่?
แม้ว่ากระบวนการฟรีซดรายจะคล้ายกันระหว่างแบรนด์และบริษัทต่างๆ แต่ความแตกต่างจะขึ้นอยู่กับประเภทของอาหารและส่วนผสมที่นำมาทำการฟรีซ ดราย ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงมักประกอบด้วยชิ้นเนื้อเต็มๆ และผลไม้หรือผักที่เห็นได้ชัดเจน บางแบรนด์ที่มีผลิตภัณฑ์อาหารสุนัขแบบฟรีซดรายอาจไม่ได้ใช้เนื้อดิบทั้งชิ้น แต่จะใช้ส่วนผสมที่ผสมกันเพื่อสร้างเป็นก้อนเนื้อคล้ายแฮมเบอร์เกอร์หรือไส้กรอกแทน

ฉันควรกังวลเกี่ยวกับแบคทีเรียจากเนื้อสดในอาหารสุนัขแบบฟรีซดรายหรือไม่?
หากคุณกำลังคิดจะให้อาหารสุนัขแบบฟรีซดราย ควรติดต่อแบรนด์นั้นๆ เพื่อทำความเข้าใจว่าพวกเขามีวิธีการรับรองความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์อย่างไร ที่ Wellness เราให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยของทุกสูตรอาหารที่เราสร้างขึ้น นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมทุกชุดของเนื้อสัตว์ที่เราทำการฟรีซดรายจะต้องผ่านกระบวนการพาสเจอไรซ์ด้วยแรงดันสูง (High-Pressure Pasteurization หรือ HPP) ก่อนขั้นตอนการฟรีซดราย ขั้นตอนนวัตกรรมนี้เพิ่มแรงดันที่ช่วยทำลายแบคทีเรีย ในขณะที่ยังคงรักษาความสมบูรณ์ของส่วนผสมเอาไว้

เราจะผสมอาหารแบบฟรีซดรายเข้าไปในอาหารของสุนัขได้อย่างไร?
อาหารสุนัขที่ทำจากส่วนผสมฟรีซดรายทั้งหมดอาจมีราคาสูง หาได้ยาก และอาจไม่เหมาะกับสุนัขทุกตัว คำแนะนำของเราคือให้ผสมสารอาหารจากอาหารแบบฟรีซดรายบางส่วนเข้าไปในอาหารเม็ดของ Wellness CORE ในขณะที่ยังคงความสะดวกในการให้อาหารตามตารางเวลาปกติของสุนัข

ลงทุนเพื่อสุขภาพที่ดีที่สุด

แก้ปัญหาขนและผิวหนังจากต้นตอ…พิสูจน์ผลลัพธ์ที่จับต้องได้ใน 28 วัน

Wellness core 28 days challenge
5 สัญญาณที่บ่งบอกว่าแมวของคุณขาดน้ำ

ภาวะขาดน้ำเกิดขึ้นเมื่อร่างกายสูญเสียน้ำมากเกินไป แต่ไม่ใช่แค่การเสียน้ำเท่านั้น ยังรวมถึงการสูญเสียเกลือแร่ที่จำเป็นต่อการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายด้วย โดยเฉพาะอิเล็กโทรไลต์ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยควบคุมสมดุลในร่างกายและการทำงานของอวัยวะสำคัญ

สาเหตุของภาวะขาดน้ำในแมวมีหลายปัจจัย

แมวอาจเกิดภาวะขาดน้ำได้จากหลายสาเหตุ โดยสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่:

  • อุณหภูมิร่างกายสูงเกิน (Overheating) – อากาศร้อนหรืออยู่ในที่อับทำให้แมวเสียน้ำมากกว่าปกติ
  • มีไข้ (Fever) – ไข้สูงทำให้ร่างกายใช้พลังงานและของเหลวมากขึ้น
  • เจ็บป่วย (Illness) – โรคทั่วไปสามารถส่งผลให้แมวกินน้ำน้อยหรือร่างกายสูญเสียน้ำ
  • ท้องเสีย (Diarrhea) – ของเหลวในร่างกายสูญเสียอย่างรวดเร็วผ่านการขับถ่าย
  • อาเจียน (Vomiting) – ทำให้สูญเสียน้ำและแร่ธาตุสำคัญอย่างรวดเร็ว
  • โรคเมตาบอลิซึมหรือโรคเรื้อรัง (เช่น โรคไตและเบาหวาน) – ส่งผลให้แมวปัสสาวะมากเกินไปและเสียน้ำอย่างต่อเนื่อง

แมวบางตัวที่กินแต่อาหารเม็ดเพียงอย่างเดียว อาจได้รับน้ำไม่เพียงพอ เนื่องจากอาหารเม็ดมีปริมาณความชื้นต่ำมาก (ประมาณ 10%) เมื่อเทียบกับอาหารเปียกที่มีความชื้นสูงถึง 70–80% ดังนั้น หากแมวกินแต่อาหารเม็ดเป็นประจำ ควรส่งเสริมให้ดื่มน้ำมากขึ้น หรือพิจารณาเสริมอาหารเปียกเพื่อช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในร่างกาย

อาการที่บ่งบอกว่าแมวอาจกำลังขาดน้ำ

อาการของแมวที่ขาดน้ำมีหลายรูปแบบ แต่ที่พบได้บ่อยที่สุดมี 5 ข้อหลัก

  1. พลังงานลดลง แม้แมวจะชอบนอนมากตามธรรมชาติ แต่แมวที่ขาดน้ำจะดูเฉื่อยชา ไม่สดใส การสังเกตความเปลี่ยนแปลงในกิจกรรมปกติของแมวจึงสำคัญมาก คุณคือคนที่รู้จักแมวของคุณดีที่สุด ใช้ความรู้นั้นสังเกตอาการ
  2. เบื่ออาหาร เป็นเรื่องปกติที่แมวจะปฏิเสธอาหารเมื่อตัวเองรู้สึกคลื่นไส้ และบางครั้งอาจอาเจียน ซึ่งจะทำให้ภาวะขาดน้ำรุนแรงขึ้นได้อีก ดังนั้นควรระวังและดูแลอย่างใกล้ชิด
  3. หอบหายใจ แมวที่หอบหายใจมักบ่งชี้ถึงการร้อนเกินไป ความเจ็บปวด หรือปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ซึ่งอาการหอบหายใจไม่ใช่เรื่องปกติในแมว ควรรีบพบสัตวแพทย์เพื่อประเมินอาการทันที
  4. เหงือกซีด แห้ง และเหนียว น้ำลายข้น ปกติแล้วเหงือกของแมวควรชุ่มชื้นและสีชมพู น้ำลายจะบางและใส แต่เมื่อแมวขาดน้ำ น้ำลายจะข้นเป็นเส้นเหนียว เหงือกจะซีด แห้ง และเหนียว หากกดเบา ๆ ที่เหงือกแมวปกติ สีชมพูจางจะขึ้นมาแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าแมวขาดน้ำ สีชมพูจะไม่กลับมาเร็วเหมือนเดิม อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณสำคัญที่บอกว่าควรพาแมวไปพบสัตวแพทย์ทันที
  5. ดวงตาจมลึก เมื่อแมวขาดน้ำ ดวงตาที่ปกติสดใสจะดูหมองลงและจมลึกเข้าไปในเบ้าตาอย่างชัดเจน เป็นสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกภาวะขาดน้ำ

ทดสอบผิวหนัง

วิธีตรวจว่าแมวของคุณได้รับน้ำเพียงพอหรือไม่ ให้ดึงผิวหนังบริเวณหลังคอ ระหว่างไหล่ขึ้นเบา ๆ แล้วปล่อย

  • หากแมวได้รับน้ำเพียงพอ ผิวหนังจะคืนกลับสู่ที่เดิมอย่างรวดเร็ว
  • หากขาดน้ำ ผิวหนังจะคืนตัวช้ากว่าปกติ
  • หากผิวหนังไม่คืนกลับเลย อาจบ่งบอกถึงภาวะขาดน้ำรุนแรง

อย่างไรก็ตาม แมวสูงอายุอาจมีความยืดหยุ่นของผิวหนังลดลงได้ ดังนั้นถ้ามีข้อสงสัย ควรพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อประเมินอาการอย่างละเอียด

ทำอย่างไรเมื่อแมวขาดน้ำ

หากสงสัยว่าแมวขาดน้ำ ควรติดต่อสัตวแพทย์ทันที สัตวแพทย์จะให้การรักษาด้วยการให้น้ำเกลือผ่านทางใต้ผิวหนังหรือทางหลอดเลือดดำ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของภาวะขาดน้ำ นอกจากนี้ จะมีการตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของการขาดน้ำและให้การรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป

วิธีป้องกันภาวะขาดน้ำในแมว

  • แมวต้องการน้ำประมาณ 3.5–4.5 ออนซ์ต่อแมวน้ำหนัก 5 ปอนด์ต่อวัน ควรจัดหาน้ำสะอาดสดใหม่ไว้ใกล้ ๆ และสังเกตว่าชามน้ำรูปทรงหรือขนาดใดที่แมวชอบ เพื่อกระตุ้นให้แมวดื่มน้ำมากขึ้น
  • ควรล้างชามน้ำของแมวทุกวัน เพื่อรักษาความสะอาดและป้องกันการสะสมของเชื้อโรค
  • แมวบางตัวชอบน้ำไหล หากแมวของคุณเป็นแบบนี้ ควรจัดหาน้ำพุสำหรับสัตว์เลี้ยงและดูแลให้น้ำไหลสะอาดอยู่เสมอ
  • ถ้าแมวกินแต่อาหารเม็ด ควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อพิจารณาการเปลี่ยนไปให้อาหารเปียกเพิ่มเติม
  • ควรดูแลให้สภาพแวดล้อมของแมวมีการถ่ายเทอากาศดีและอุณหภูมิที่เหมาะสม ก่อนออกจากบ้านในวันที่อากาศร้อน ให้ตั้งแอร์ไว้ในอุณหภูมิที่สบาย หากไม่มีแอร์ ให้ติดตั้งพัดลมอย่างปลอดภัยเพื่อสร้างการระบายอากาศที่ดี
  • สำหรับแมวที่เลี้ยงนอกบ้าน ควรวางน้ำสะอาดไว้ในที่ร่ม และเปลี่ยนน้ำบ่อย ๆ เพื่อให้น้ำเย็นสดชื่น หรือใส่น้ำแข็งในชามน้ำ นอกจากนี้ ควรจัดให้แมวมีที่พักผ่อนในที่ร่มเพื่อหลบแดดและความร้อน
  • สังเกตปริมาณน้ำที่แมวดื่มและเฝ้าระวังสัญญาณของภาวะขาดน้ำอย่างใกล้ชิด
  • ถ้าแมวของคุณดื่มน้ำน้อยเป็นประจำ ควรปรึกษาสัตวแพทย์เรื่องเติมน้ำซุปไก่สูตรลดโซเดียมลงในชามน้ำเพื่อกระตุ้นให้น้ำมากขึ้น หรือสัตวแพทย์อาจแนะนำผลิตภัณฑ์น้ำเสริมสารอาหารเพื่อช่วยเพิ่มความอยากดื่มน้ำ
  • รักษาการตรวจสุขภาพแมวอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถตรวจพบและป้องกันปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

👉 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :
ทักแชท: m.me/wellnesspetfoodthailand
Website: https://www.wellnesspetfood.co.th/
.
🌟แชร์ชีวิตที่ดีร่วมกัน แชร์ WELLNESS อาหารสัตว์เลี้ยงที่แนะนำโดยสัตวแพทย์ 🌟

🛒 หาซื้อได้แล้ววันนี้ ที่ร้านเพ็ทช็อปชั้นนำทั่วไป

ปลอบประโลมผิวหนังและกระเพาะที่บอบบาง: อาหารแบบไหนดีที่สุดสำหรับสัตว์เลี้ยงของคุณ?

ต้องยอมรับกันตรง ๆ ว่า…สัตว์เลี้ยงของเราก็อ่อนไหวไม่ต่างจากเราเลย! ไม่ว่าจะเป็นอาการท้องไส้ปั่นป่วนหลังอาหาร หรืออาการคันไม่หยุดจนต้องกลิ้งไถพุงไปกับพรม อาหารมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อความสบายตัวและสุขภาพโดยรวมของพวกเขา

นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการเลือกอาหารสุนัขที่เหมาะกับภาวะแพ้อาหาร หรืออาหารแมวสำหรับระบบย่อยที่บอบบาง ถึงสามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างแท้จริง

หากสัตว์เลี้ยงของคุณต้องการการดูแลเป็นพิเศษเรื่องอาหารล่ะก็…คุณมาถูกที่แล้ว!
ลองมาดูกันว่าทำไมอาหารสูตรผิวหนังและกระเพาะบอบบางจึงอาจเป็นคำตอบที่ใช่สำหรับเพื่อนขนฟูของคุณ

ทำไมสัตว์เลี้ยงของคุณถึงต้องการอาหารสูตรสำหรับผิวหนังและกระเพาะที่บอบบาง?

หากสุนัขหรือแมวของคุณกำลังเผชิญกับอาการเหล่านี้ อาหารที่กินอยู่อาจเป็นสาเหตุ:

ปัญหาระบบย่อยบ่อยครั้ง:
สุนัขของคุณมีอาการท้องอืด แก๊สเยอะ หรือถ่ายเหลวบ่อยไหม? อาการเหล่านี้มักเกี่ยวข้องกับภาวะไม่ทนต่ออาหารบางชนิดในสุนัขที่มีระบบย่อยอาหารบอบบาง

อาหารสุนัขที่เหมาะสำหรับระบบย่อยที่ไวต่อสิ่งกระตุ้น มักจะผลิตจากวัตถุดิบที่ย่อยง่ายและไม่ก่อให้เกิดปัญหาท้องไส้

อาการคัน ผิวแห้ง หรือปัญหาขนหลุดร่วง:
หากสัตว์เลี้ยงของคุณเริ่มเกาหนักกว่าปกติ หรือขนดูไม่เงางามเหมือนเดิม อาจเป็นเพราะอาหารที่ได้รับไม่มีสารอาหารที่จำเป็นต่อสุขภาพผิวและขน

อาหารสุนัขสำหรับผิวคัน หรืออาหารแมวสำหรับผิวแห้งคันที่ดี มักมีส่วนผสมที่อุดมไปด้วยโอเมก้า ซึ่งช่วยบำรุงขนให้นุ่มและเงางามอย่างเป็นธรรมชาติ

สิ่งที่ควรมองหาในอาหารสูตรสำหรับผิวหนังและกระเพาะที่บอบบาง

การเลือกอาหารที่เหมาะสมไม่จำเป็นต้องยุ่งยาก เพียงแค่สังเกตคุณสมบัติสำคัญเหล่านี้:

โปรตีนคุณภาพสูง – ควรเลือกโปรตีนที่ลีนและย่อยง่าย เช่น ปลาแซลมอน ไก่งวง หรือเนื้อแกะ ซึ่งช่วยดูแลสุขภาพฟันและเสริมสร้างกล้ามเนื้อของสุนัขให้แข็งแรง

พรีไบโอติกส์และโปรไบโอติกส์ – ส่วนผสมที่ช่วยดูแลลำไส้เหล่านี้ช่วยส่งเสริมการย่อยอาหารและทำให้กระเพาะของน้องหมาสุขภาพดี!

กรดไขมันโอเมกา – สำคัญต่อขนที่สุขภาพดีและช่วยลดการอักเสบ (เหมาะสำหรับสุนัขที่มีผิวแห้งและแมวที่มีอาการคันผิวหนัง)

ปราศจากวัตถุเจือปนและสารสังเคราะห์ – อาหารที่ดีที่สุดสำหรับสุนัขผิวแห้งควรหลีกเลี่ยงสี กลิ่น หรือสารกันบูดที่อาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันไวต่อการระคายเคืองมากขึ้น

ตัวเลือกอาหารที่ดีที่สุดสำหรับสุนัขและแมวที่มีผิวแพ้ง่ายและระบบย่อยอาหารบอบบาง

Wellness® CORE+ Sensitive Skin & Stomach

ถ้าสุนัขของคุณมีปัญหาระบบย่อยอาหาร Wellness CORE+ Sensitive Skin & Stomach เป็นสูตรที่อุดมไปด้วยโปรตีนคุณภาพสูง โพรไบโอติกส์ และส่วนผสมที่มีโอเมก้าเพื่อช่วยดูแลระบบย่อยและสุขภาพผิว สูตรนี้ใช้ปลาแซลมอนคุณภาพดีที่สุนัขชื่นชอบรสชาติ สำหรับเจ้าของที่ต้องการหลีกเลี่ยงส่วนผสมบางชนิด Wellness CORE+ Sensitive Skin & Stomach ไม่มีส่วนผสมของเนื้อวัว เนื้อไก่ ข้าวสาลี ข้าวโพด สี กลิ่น หรือสารกันบูดสังเคราะห์ใดๆ

Wellness® Complete Health Sensitive Skin & Stomach

คืออาหารที่สมดุลและออกแบบมาเพื่อสุนัขที่มีอาการแพ้อาหาร โดยมีส่วนผสมที่ครบถ้วนและอุดมไปด้วยสารอาหารคุณภาพสูง เพื่อช่วยดูแลให้สุนัขของคุณรู้สึกดีและมีสุขภาพผิวและขนที่แข็งแรง สวยงามอยู่เสมอ!

Skin & Coat Wet Food for Cats

ไม่ใช่แค่น้องหมาเท่านั้น! สำหรับแมวที่มีปัญหาผิวแห้งหรือแพ้ผิวหนัง อาหารเปียกสำหรับแมวสูตร Wellness CORE+ Skin & Coat ช่วยบรรเทาอาการคันและบำรุงขนด้วยโอเมก้าเข้มข้น อาหารนี้มีโปรตีนคุณภาพสูงและส่วนผสมที่ดีต่อสุขภาพโดยรวมของแมวแต่ละตัว สูตรนี้ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อสนับสนุน “Five Signs of Wellbeing” รวมถึงความต้องการโภชนาการเฉพาะของแมว โดยมีกรดไขมัน Omega-3 และ Omega-6 เพื่อสุขภาพผิว และไบโอตินที่ช่วยให้ขนเงางาม สูตรปราศจากธัญพืช ปราศจากสารปรุงแต่ง กลิ่น รส สีสังเคราะห์ และไม่มีสารคาราจีแนน (carrageenan) อีกด้วย

Skin & Coat Supplement for Dogs

อยากเพิ่มการดูแลสุขภาพประจำวันให้มากขึ้นไหม? อาหารเสริมนี้มีกรดไขมันจำเป็นที่ช่วยสนับสนุนสุขภาพฟันและขนของสุนัข ทำให้เป็นตัวช่วยที่ดีมาก ๆ ในการเสริมโภชนาการให้ครบถ้วนและดูแลสุขภาพขนกับช่องปากไปพร้อมกันเลย

คำถามที่พบบ่อย: อาหารสำหรับผิวหนังและกระเพาะอาหารที่ไวต่อความระคายเคือง

ถาม: ทำไมสุนัขของฉันถึงมีปัญหากระเพาะอาหารไวต่อความระคายเคือง?
ตอบ: สุนัขบางตัวมีแนวโน้มที่จะมีปัญหาการย่อยอาหารมากขึ้นเนื่องจากพันธุกรรม ภูมิแพ้อาหาร หรือปัญหาสุขภาพในอดีต การเปลี่ยนไปใช้อาหารสุนัขสำหรับกระเพาะอาหารที่ไวต่อความระคายเคืองสามารถช่วยลดความไม่สบายตัวได้

ถาม: อาหารแมวชนิดใดที่ดีที่สุดสำหรับแมวที่มีอาการแพ้ผิวหนัง?
ตอบ: ควรมองหาอาหารที่มีส่วนผสมคุณภาพสูงและมีส่วนผสมจำกัด รวมถึงกรดไขมันโอเมก้าและโปรตีนชนิดใหม่ที่ช่วยลดการอักเสบและอาการคัน

ถาม: ควรเพิ่มอะไรในอาหารสุนัขเพื่อช่วยเรื่องผิวแห้ง?
ตอบ: อาหารที่มีโอเมก้าสูง เช่น น้ำมันปลาแซลมอน หรืออาหารเสริมสำหรับผิวหนังและขนของสุนัข จะช่วยให้ขนเงางามและผิวหนังชุ่มชื้นค่ะ

สรุปความท้ายเรื่อง: มอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับสัตว์เลี้ยงของคุณ!

เพื่อนขนฟูของคุณสมควรได้รับอาหารสำหรับกระเพาะอาหารที่ไวต่อความระคายเคือง เพื่อช่วยให้พวกเขามีความสุข สุขภาพดี และปราศจากอาการคัน ไม่ว่าจะเป็นอาหารสุนัขสำหรับปัญหาการย่อยอาหาร อาหารแมวสำหรับผิวหนังที่คัน หรือขนมเคี้ยวเพื่อสุขภาพช่องปากสำหรับสุนัขสูงอายุ การเปลี่ยนมาใช้อาหารสำหรับผิวหนังและกระเพาะอาหารที่ไวต่อความระคายเคือง จะช่วยสนับสนุนความต้องการของพวกเขาอย่างแท้จริง

👉 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :
ทักแชท: m.me/wellnesspetfoodthailand
Website: https://www.wellnesspetfood.co.th/
.
🌟แชร์ชีวิตที่ดีร่วมกัน แชร์ WELLNESS อาหารสัตว์เลี้ยงที่แนะนำโดยสัตวแพทย์ 🌟

🛒 หาซื้อได้แล้ววันนี้ ที่ร้านเพ็ทช็อปชั้นนำทั่วไป

ข้อดีและความเสี่ยงของการให้อาหารสุนัขด้วยอาหารบาร์ฟ

การให้อาหารสุนัขด้วยอาหารบาร์ฟ

เจ้าของสุนัขบางคนให้อาหารบาร์ฟเป็นเพียงของว่างหรือโรยบนอาหารเม็ด ในขณะที่บางคนก็ให้อาหารบาร์ฟอย่างจริงจัง เพราะเชื่อว่าอาหารบาร์ฟมีวัตถุดิบธรรมชาติแท้ ๆ ที่ให้สารอาหารครบถ้วนและผ่านกระบวนการแปรรูปน้อยที่สุด ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างมาก แน่นอนว่าสารอาหารที่ดีเยี่ยมช่วยสนับสนุนชีวิตที่ยืนยาวและสุขภาพดีทั้งกายและใจของสัตว์เลี้ยง แต่คำถามคือ อาหารรูปแบบไหนกันแน่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสุนัขของเรา?

สิ่งที่เหมาะกับใครคนหนึ่ง อาจไม่เหมาะกับทุกคน

เหมือนกับคนเรา สุนัขแต่ละตัวก็มีความแตกต่างกัน อาหารที่เหมาะกับสุนัขของเพื่อนคุณ อาจไม่เหมาะกับสุนัขของคุณเลย โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงความต้องการโภชนาการเฉพาะตัวที่ขึ้นอยู่กับพันธุ์ ขนาด อายุ และสุขภาพของแต่ละตัว หากคุณกำลังคิดจะเปลี่ยนอาหารประจำวันของสุนัข สิ่งสำคัญที่สุดคือควรปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าสุนัขของคุณจะได้รับการดูแลที่เหมาะสมและดีที่สุดตามความต้องการเฉพาะตัว

อาหารสุนัขแบบบาร์ฟคืออะไร?

อาหารแบบนี้จะประกอบด้วยเนื้อสดที่ยังไม่ผ่านการปรุงสุก (มักจะเป็นเนื้อกล้ามเนื้อและเครื่องใน) กระดูกทั้งชิ้นหรือบดละเอียด ผลไม้ ผัก ไข่ดิบ และผลิตภัณฑ์นมบางชนิด ซึ่งจะเตรียมสดใหม่ก่อนให้อาหารสุนัขในแต่ละครั้ง

ข้อมูลที่ขัดแย้งและทำให้สับสน

เมื่อค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์ของอาหารบาร์ฟ จะพบว่าหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยังค่อนข้างน้อย ทำให้เกิดความสงสัยจากสัตวแพทย์และแพทย์หลายคน แต่ในขณะเดียวกัน คุณก็จะได้พบกับความกระตือรือร้นจากเจ้าของสุนัขที่ให้อาหารบาร์ฟ ซึ่งเล่าถึงประโยชน์ต่อสุขภาพที่เห็นได้ชัดเจนในสุนัขของพวกเขาอย่างน่าเชื่อถือ

เหตุผลที่สนับสนุนการให้อาหารสุนัขแบบบาร์ฟ

ลองคิดว่าสุนัขของคุณมีบรรพบุรุษที่เป็นสัตว์กินเนื้อ แต่ก็มีวิวัฒนาการเป็นสัตว์กินพืชและสัตว์กินทุกอย่าง หนึ่งในเหตุผลหลักที่เจ้าของสุนัขเลือกให้อาหารบาร์ฟ คือการพิจารณาถึงวิวัฒนาการของสุนัขเอง หมาป่าสีเทา ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของสุนัขในปัจจุบัน เป็นสัตว์กินเนื้อและนักล่าที่เก่งกาจที่อยู่รอดด้วยการกินเนื้อสัตว์เป็นหลัก

แต่ในปัจจุบัน สุนัขได้ผ่านการวิวัฒนาการมาหลายพันปีจนกลายเป็นพันธุ์ต่าง ๆ กว่า 400 สายพันธุ์ ตั้งแต่พันธุ์เล็กอย่างทีคัพพูเดิล จนถึงพันธุ์ใหญ่ขนาดมหึมาอย่างเกรทเดน ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนทั้งในด้านรูปร่างพันธุกรรม และวิถีชีวิตเมื่อเทียบกับบรรพบุรุษของพวกมัน

แตกต่างจากแมว สุนัขได้วิวัฒนาการมาพร้อมกับยีนที่ช่วยให้พวกมันสามารถสร้างกรดอะมิโนจากคาร์โบไฮเดรต ซึ่งโดยปกติกรดอะมิโนเหล่านี้มักจะได้จากอาหารที่มีเนื้อสัตว์เป็นหลัก พูดง่ายๆ ก็คือ สุนัขปัจจุบันถูกจัดอยู่ในกลุ่มสัตว์กินทุกอย่าง (omnivores) ซึ่งสามารถเจริญเติบโตได้ทั้งจากอาหารที่มีเนื้อสัตว์และผัก

อาหารบาร์ฟไม่จำเป็นต้องหมายถึงการทำอาหารเองที่บ้าน หรือการต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับร้านเนื้ออาหารบาร์ฟไม่จำเป็นต้องหมายถึงการทำอาหารเองที่บ้าน หรือการต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับร้านเนื้อ

ปัจจุบัน อาหารสุนัขแบบบาร์ฟมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบที่ผลิตมาเพื่อความสะดวก ตั้งแต่แบบสดหรือแช่แข็ง ไปจนถึงอาหารเม็ดที่มีชิ้นเนื้อดิบผสมอยู่ คุณยังสามารถให้อาหารแบบง่าย ๆ เพียงตักและเทได้ตามต้องการ

ข้อดีของการให้อาหารสุนัขแบบบาร์ฟ

ผู้ที่ชื่นชอบการให้อาหารสุนัขแบบดิบอย่างจริงจัง มองว่าอาหารบาร์ฟเป็นวิธีที่เป็นธรรมชาติมากที่สุดในการเลี้ยงสุนัข พวกเขาเล่าประสบการณ์ว่าการให้อาหารบาร์ฟทำให้ขนสุนัขเงางามขึ้น ผิวหนังสุขภาพดีขึ้น ฟันสะอาดขึ้น ระดับพลังงานสูงขึ้น และอุจจาระมีขนาดเล็กลง และไม่ต้องพูดถึงว่าสุนัขก็ชอบอาหารสด ๆ ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ดึงดูดใจมากที่สุด

ข้อเสียของการให้อาหารสุนัขแบบบาร์ฟ

สัตวแพทย์ทั่วไปหลายท่าน รวมถึงองค์การอาหารและยา (FDA) เห็นตรงกันว่าความเสี่ยงจากอาหารบาร์ฟได้รับการบันทึกไว้อย่างชัดเจนในงานวิจัยหลายชิ้นที่ตีพิมพ์ในวารสารสัตวแพทย์ อาหารที่ทำเองบางสูตรพบว่ามีแบคทีเรียก่อโรคจำนวนมาก ซึ่งแบคทีเรียเหล่านี้อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตั้งแต่ความไวต่อกระเพาะอาหารเล็กน้อยจนถึงอาการรุนแรงที่อาจถึงขั้นเสียชีวิตในบางกรณี นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากการปนเปื้อนที่อาจเป็นอันตรายต่อคน โดยเฉพาะผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันต่ำ ผู้สูงอายุ หรือเด็กเล็ก

การให้อาหารด้วยกระดูกดิบมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น การสำลัก กระดูกติดในลำไส้ หรือฟันแตกหรือบิ่นได้

นอกจากนี้ หากคุณวางแผนให้อาหารสุนัขแบบดิบเอง สิ่งสำคัญคืออาหารต้องครบถ้วนและสมดุล เพื่อให้สุนัขได้รับสารอาหารที่จำเป็นทั้งหมด หากอาหารไม่ครบถ้วนและสมดุล สุนัขอาจเกิดภาวะขาดสารอาหารได้ เจ้าของสุนัขหลายคนจึงต้องขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการสัตว์ หรืออาจต้องเสริมอาหารด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่จำหน่ายทั่วไป เพื่อให้มั่นใจว่าสุนัขจะได้รับสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุที่ครบถ้วน

ข้อควรพิจารณาสุดท้ายในการให้อาหารสุนัขแบบดิบคือเรื่องของค่าใช้จ่ายทั้งด้านเงินและเวลา การเตรียมอาหารบาร์ฟที่บ้านด้วยวัตถุดิบคุณภาพสูงอาจกลายเป็นวิธีการเลี้ยงสุนัขที่มีค่าใช้จ่ายสูง โดยเฉพาะกับพันธุ์ใหญ่ที่ต้องการปริมาณอาหารมากเพื่อให้ได้พลังงานครบตามที่ต้องการ

เจ้าของสุนัขอาจสามารถให้อาหารบาร์ฟที่บ้านได้ แต่การเดินทางหรือช่วงวันหยุดอาจทำให้การให้อาหารแบบนี้กลายเป็นเรื่องยากและไม่สะดวก

สรุปความเสี่ยงของการให้อาหารสุนัขแบบบาร์ฟ

  • อาจมีแบคทีเรียหรือเชื้อโรคที่เป็นอันตรายในอาหารบาร์ฟ
  • มีความเสี่ยงที่เนื้อดิบจะปนเปื้อนจนทำให้คนป่วยได้
  • กระดูกดิบอาจทำให้สุนัขสำลัก หรือทำให้ฟันแตกได้
  • มีค่าใช้จ่ายสูงและต้องใช้เวลามากในการเตรียมอาหาร

อาหารสุนัขแบบบาร์ฟที่ผลิตสำเร็จรูปในเชิงพาณิชย์

หากคุณสนใจประโยชน์จากการให้อาหารสุนัขแบบบาร์ฟ แต่ต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงด้านสุขภาพ การเลือกอาหารบาร์ฟที่ผลิตสำเร็จรูปในเชิงพาณิชย์ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ที่ Wellness สูตร Wellness CORE ของเราออกแบบมาเพื่อให้คุณสามารถเพิ่มอาหารบาร์ฟเข้าไปในมื้ออาหารได้อย่างง่ายดายและปลอดภัยทุกมื้อ

Wellness CORE+ คืออาหารเม็ดโปรตีนสูงที่ครบถ้วนสมดุล (มีให้เลือกทั้งแบบปราศจากธัญพืชและแบบมีธัญพืชคุณภาพดี) พร้อมกับการเติมเนื้อสัตว์แช่แข็งแห้ง 100% ชิ้นเล็ก ๆ การผสมผสานนี้ทำให้อาหารมีรสชาติอร่อยและเต็มไปด้วยสารอาหารครบถ้วน ที่ช่วยให้สุนัขของคุณเจริญเติบโตอย่างมีสุขภาพดี

👉 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :
ทักแชท: m.me/wellnesspetfoodthailand
Website: https://www.wellnesspetfood.co.th/
.
🌟แชร์ชีวิตที่ดีร่วมกัน แชร์ WELLNESS อาหารสัตว์เลี้ยงที่แนะนำโดยสัตวแพทย์ 🌟

🛒 หาซื้อได้แล้ววันนี้ ที่ร้านเพ็ทช็อปชั้นนำทั่วไป

ประโยชน์ของปลาแซลมอนต่อสุขภาพ เมื่อใช้เป็นแหล่งโปรตีนในอาหารของคุณ

ปลาแซลมอนเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่ดีต่อสุขภาพของคุณ แต่ยังเหมาะสำหรับสุนัขของคุณด้วย! เมื่อเทียบกับแหล่งโปรตีนจากสัตว์ชนิดอื่น ปลาแซลมอนมีข้อดีเฉพาะตัวหลายอย่าง เช่น ช่วยลดการอักเสบ เสริมการย่อยอาหาร บำรุงหัวใจ และประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย

คุณจะพบปลาแซลมอนแท้ในสูตรอาหารใหม่ของเรา ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับสุนัขที่มีปัญหาเรื่องกระเพาะอาหารและผิวหนัง ได้แก่ สูตร Wellness CORE สูตร Ocean

อ่านต่อเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของปลาแซลมอนต่อสุขภาพ พร้อมคำแนะนำว่า ควรรับประทานปลาแซลมอนบ่อยแค่ไหนจึงจะดีต่อร่างกาย

ความสำคัญของโปรตีนในอาหาร

ในฐานะนักกำหนดอาหารวิชาชีพ (Registered Dietitian) ฉันเข้าใจดีว่า การได้รับโปรตีนในปริมาณที่เพียงพอมีความสำคัญต่อสุขภาพที่ดี ไม่ว่าจะเป็นในมนุษย์หรือสุนัขก็ตาม

โปรตีนเป็นสารอาหารหลัก (macronutrient) ที่ประกอบขึ้นจากหน่วยย่อยที่เรียกว่า กรดอะมิโน ซึ่งกรดอะมิโนเหล่านี้มีความจำเป็นต่อการทำงานของร่างกายอย่างถูกต้องและสมดุล

คุณอาจทราบอยู่แล้วว่าโปรตีนมีความสำคัญต่อการเสริมสร้างและฟื้นฟูกล้ามเนื้อ แต่ความจริงแล้ว โปรตีนยังมีบทบาทสำคัญในกระบวนการต่าง ๆ ของร่างกายอีกมากมาย ตัวอย่างหน้าที่สำคัญของโปรตีน ได้แก่:

  • สร้างฮอร์โมนและเอนไซม์
  • ช่วยสร้างโครงสร้างและสนับสนุนเซลล์
  • ทำหน้าที่เป็นสารสื่อที่ส่งสัญญาณระหว่างเซลล์ อวัยวะ และเนื้อเยื่อต่าง ๆ
  • ผลิตแอนติบอดีที่ช่วยป้องกันและต่อสู้กับการติดเชื้อ
  • ขนส่งโมเลกุลต่าง ๆ ทั่วร่างกาย

ปลาแซลมอนในฐานะแหล่งโปรตีน

โปรตีนพบได้ในอาหารหลากหลายชนิด โดยอาหารที่มีปริมาณโปรตีนสูงที่สุดมักเป็นอาหารจากสัตว์ เช่น เนื้อสัตว์ ปีกไก่ และปลา

ปลาแซลมอนขนาด 3 ออนซ์ ให้โปรตีนประมาณ 17 กรัม

แม้ว่าเนื้อปลาแซลมอนจะมีโปรตีนไม่มากเท่าอกไก่ แต่โปรตีนในปลาแซลมอนโดยทั่วไปมักย่อยง่ายกว่าที่ได้จากเนื้อสัตว์หรือปีกไก่ เพราะโปรตีนในกล้ามเนื้อปลามีโครงสร้างที่ละเอียดและสม่ำเสมอกว่า

ความง่ายในการย่อยของโปรตีนปลาแซลมอน รวมถึงประโยชน์ต่อสุขภาพอื่น ๆ ทำให้ปลาแซลมอนเป็นตัวเลือกที่ดีในการนำมาใส่ในเมนูอาหารของคุณอย่างสม่ำเสมอ

ประโยชน์ของปลาแซลมอนต่อสุขภาพ

ปลาแซลมอนจัดเป็นปลาที่มีไขมันสูง ซึ่งหมายความว่ามันมีกรดไขมันโอเมกา-3 ในปริมาณมาก

ร่างกายของเราไม่สามารถสร้างกรดไขมันโอเมกา-3 ได้ด้วยตัวเอง สุนัขของเราก็เช่นกัน! ซึ่งหมายความว่าโอเมกา-3 เป็นสารอาหารที่จำเป็น เราจึงต้องได้รับจากอาหารที่รับประทานเข้าไป และปลาแซลมอนก็เป็นหนึ่งในแหล่งอาหารที่ดีที่สุดสำหรับโอเมกา-3

กรดไขมันโอเมกา-3 มีความสำคัญหลายประการ ดังนี้คือประโยชน์บางส่วน:

  • ช่วยพัฒนาสมองในทารกและลูกสุนัข
  • อาจช่วยสนับสนุนการทำงานของสมองในผู้สูงอายุและสุนัขสูงวัย
  • เสริมระบบภูมิคุ้มกันด้วยการลดการอักเสบ
  • ส่งเสริมสุขภาพหัวใจ โดยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง
  • ดูแลสุขภาพข้อต่อด้วยคุณสมบัติต้านการอักเสบ
  • ส่งเสริมสุขภาพผิวทั้งในมนุษย์และสุนัข รวมถึงบำรุงขนของสุนัขให้แข็งแรงเงางาม

นอกจากกรดไขมันโอเมกา-3 แล้ว ปลาแซลมอนยังให้สารอาหารจุลธาตุที่สำคัญหลายชนิด ได้แก่ วิตามินบี 12 วิตามินบี 6 วิตามินดี ไนอะซิน ไรโบฟลาวิน ไทอามีน ซีลีเนียม แคลเซียม โพแทสเซียม และอื่น ๆ อีกมากมาย

ควรรับประทานปลาแซลมอนบ่อยแค่ไหน?

สมาคมหัวใจอเมริกันและแนวทางโภชนาการปัจจุบันแนะนำให้ผู้ใหญ่รับประทานปลาที่มีไขมันสูง เช่น ปลาแซลมอน ประมาณ 8 ออนซ์ต่อสัปดาห์ ซึ่งเท่ากับประมาณ 2-3 มื้อ

สำหรับสุนัข การให้อาหารปลาแซลมอนที่ปรุงสุกในปริมาณเล็กน้อยทุกวันเป็นแหล่งสารอาหารที่ดี รวมถึงโปรตีนที่ย่อยง่ายและกรดไขมันโอเมกา-3 ที่จำเป็น

สูตรอาหารเม็ด Wellness CORE สูตร Ocean ของเรา ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน เพื่อมอบมื้ออาหารที่ครบถ้วนและสมดุล พร้อมปริมาณปลาแซลมอนที่เหมาะสมตามความต้องการของสุนัขของคุณ

👉 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :
ทักแชท: m.me/wellnesspetfoodthailand
Website: https://www.wellnesspetfood.co.th/
.
🌟แชร์ชีวิตที่ดีร่วมกัน แชร์ WELLNESS อาหารสัตว์เลี้ยงที่แนะนำโดยสัตวแพทย์ 🌟

🛒 หาซื้อได้แล้ววันนี้ ที่ร้านเพ็ทช็อปชั้นนำทั่วไป

ความสำคัญของอาหารแมวและสุนัขที่มีโปรตีนสูง

Photo by Andrew Muse

คุณไม่ต้องเป็นนักผจญภัยเต็มเวลาเพื่อดูแลสัตว์เลี้ยงที่กระฉับกระเฉง ไลฟ์สไตล์ที่แอคทีฟหมายถึงสิ่งต่างๆ สำหรับเจ้าของสัตว์แต่ละคน แต่มีบางอย่างที่เราสามารถเห็นพ้องต้องกันได้ เช่น การเลือกอาหารที่เหมาะสมและมั่นใจได้ว่าจะดีต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยง.

สิ่งที่ดีที่สุดในการเลือกส่วนผสมให้อาหารสัตว์เลี้ยงของคุณคืออะไร? แล้วรสชาติที่เหมาะสมล่ะ? นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น ช่วงชีวิต ขนาดพันธุ์ และข้อจำกัดทางโภชนาการพิเศษ เช่น ภูมิแพ้หรือปัญหาสุขภาพที่ต้องพิจารณา ซึ่งอาจทำให้รู้สึกยุ่งยากได้ แต่หนึ่งในสิ่งสำคัญที่ควรเริ่มพิจารณาคือโปรตีน และสำรวจตัวเลือกอาหารแมวและสุนัขที่มีโปรตีนสูง.

ทำไมการใส่ใจโปรตีนจึงสำคัญ?

โปรตีนในอาหารเป็นสารอาหารที่สำคัญต่อสุขภาพของสุนัขและแมวทุกตัว ซึ่งจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและการบำรุงรักษาเนื้อเยื่อเกือบทุกส่วนในร่างกาย โปรตีนย่อยง่ายและให้กรดอะมิโนทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการสร้างขน ผิวหนัง กล้ามเนื้อ กระดูกอ่อน เอ็น และเส้นเอ็น นอกจากนี้ในระดับโมเลกุล โปรตีนยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างเอนไซม์ที่กระตุ้นปฏิกิริยาทางเมตาบอลิซึมต่างๆ ที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ฮอร์โมนที่ทำหน้าที่เป็นสารสื่อสารทางเคมีในร่างกาย และแอนติบอดีที่เป็นส่วนประกอบของระบบภูมิคุ้มกัน การมั่นใจว่าอาหารของสัตว์เลี้ยงมีโปรตีนที่ดีเพียงพอเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อให้พวกมันได้รับสิ่งที่จำเป็นในการเติบโตอย่างมีสุขภาพดี

วิธีการตรวจสอบโปรตีนในอาหารสัตว์เลี้ยงของคุณ

เมื่อเลือกอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงของคุณ มีวิธีการตรวจสอบว่าโปรตีนอยู่ในระดับที่คุณต้องการดังนี้:

  1. ดูที่รายการส่วนผสมและค้นหาโปรตีนจากเนื้อที่ระบุชื่อ เช่น ไก่งวง ไก่ หรือแซลมอน
  2. ตรวจสอบปริมาณโปรตีนรวมที่ระบุใน Guaranteed Analysis (การวิเคราะห์ที่รับประกัน) ที่ด้านหลังถุง
  3. ควรตั้งเป้าหมายให้โปรตีนอยู่ที่ระดับกลางๆ ประมาณ 30% สำหรับสุนัข และประมาณ 40% สำหรับแมว

สิ่งที่คาดหวังได้เมื่อเปลี่ยนไปให้อาหารแมวและสุนัขที่มีโปรตีนสูง

ก่อนที่จะเปลี่ยนสัตว์เลี้ยงของคุณไปให้อาหารที่มีโปรตีนสูง จำไว้ว่าควรค่อยๆ ปรับเปลี่ยนอาหารให้สัตว์เลี้ยงในช่วงเวลา 5-7 วัน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางเดินอาหาร และสำหรับสัตว์เลี้ยงที่มีปัญหาสุขภาพ ควรปรึกษากับสัตวแพทย์ก่อนตัดสินใจเลือกอาหาร

เมื่อเลือกอาหารที่มีโปรตีนในระดับที่เหมาะสมสำหรับสัตว์เลี้ยงของคุณ คุณจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าตื่นเต้นในด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของพวกมันในไม่ช้า :

  • ผิวหนังและขนที่นุ่มและเงางามภายในไม่กี่สัปดาห์
  • มวลกล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้น
  • ระดับพลังงานที่เพิ่มขึ้นและความกระฉับกระเฉงมากขึ้น
  • ระบบการย่อยอาหารที่ดีขึ้น
  • ขี้ที่เล็กลงและแข็งแรงขึ้น—มีสารเติมเต็มน้อยลงหมายถึงขยะน้อยลง

แน่นอนว่าอาหารสัตว์เลี้ยงไม่เพียงแค่ต้องมีโปรตีนสูงเท่านั้น ทุกสูตรของ Wellness CORE+ รับรองว่าโปรตีนสำคัญนี้มีความสมดุลอย่างลงตัวกับไขมันในระดับปานกลางและคาร์โบไฮเดรตที่ลดลง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานของสัตว์เลี้ยง นอกจากนี้ เรายังเติมผลไม้และผักสดเพื่อเป็นแหล่งวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ.

การใช้ประโยชน์สูงสุดจากพลังชีวิตใหม่ของสัตว์เลี้ยงของคุณ

ทำไม Wellness CORE+ ถึงมุ่งมั่นที่จะสร้างอาหารที่สมดุลอย่างลงตัวและอุดมไปด้วยโปรตีน? สัตว์เลี้ยงเป็นส่วนสำคัญของครอบครัวเรา และเราต้องการให้พวกมันได้รับสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อมีชีวิตที่ยาวนาน มีสุขภาพดี และมีความสุข นั่นหมายถึงการเล่นลูกบอลในสนามหลังบ้าน การเดินเล่นในละแวกบ้าน และการได้จูบและกอดพวกมันทุกวัน

👉 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :
ทักแชท: m.me/wellnesspetfoodthailand
Website: https://www.wellnesspetfood.co.th/
.
🌟แชร์ชีวิตที่ดีร่วมกัน แชร์ WELLNESS อาหารสัตว์เลี้ยงที่แนะนำโดยสัตวแพทย์ 🌟

🛒 หาซื้อได้แล้ววันนี้ ที่ร้านเพ็ทช็อปชั้นนำทั่วไป

4 ตัวเลือกโปรตีนสำหรับอาหารสุนัขที่ไม่มีไก่

เจ้าของสัตว์เลี้ยงหลายคนเลือกอาหารสุนัขที่ไม่มีไก่เพราะสุนัขอาจแพ้ไก่ หรือบางครั้งสุนัขอาจชอบรสโปรตีนอื่นๆ มากกว่า นอกจากนี้ การเปลี่ยนเมนูอาหารก็เป็นแนวโน้มที่ได้รับความนิยม เพื่อให้สุนัขมีความหลากหลายในการกิน และช่วงเวลาอาหารเย็นก็เป็นโอกาสที่ดีในการสร้างความสัมพันธ์กับสุนัขของคุณ

และถึงแม้ว่าเราจะรู้ว่าการเลือกอาหารที่มีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่เหมาะสมสำหรับการรับประทานเป็นสิ่งสำคัญ แต่ยังมีเหตุผลอื่นๆ ที่ควรพิจารณาในการเลือกอาหารสุนัขที่ไม่มีไก่:

  • บางสูตรอาหารมีโปรตีนมากกว่าสูตรอื่นๆ ซึ่งอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับสุนัขที่มีพลังงานสูงและมีกิจกรรมมาก
  • บางเมนูอาจมีสารกลูโคซามีนและคอนดรอยตินสูงกว่าสูตรอื่นๆ ซึ่งดีสำหรับสุนัขที่มีปัญหาที่ข้อต่อ
  • สูตรที่มีกรดไขมันโอเมกา 6 และโอเมกา 3 สูงอาจเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับสุนัขที่มีปัญหาผิวหนังและขน

นี่คือ 4 อาหารสุนัขที่ไม่มีไก่ ซึ่งทั้งหมดมีแหล่งโปรตีนคุณภาพสูง:

นี่คือ 4 อาหารสุนัขที่ไม่มีไก่ ซึ่งทั้งหมดมีแหล่งโปรตีนคุณภาพสูง:

โปรตีน 1: เนื้อแกะ

นักโภชนาการสัตว์เลี้ยงถือว่าเนื้อแกะเป็นโปรตีนที่ได้รับความนิยมสำหรับสัตว์เลี้ยงที่แพ้ไก่หรือโปรตีนชนิดอื่นๆ ที่ใช้บ่อย เนื้อแกะมีโปรตีนคุณภาพสูงที่ย่อยง่าย และมักถูกแนะนำเป็นอาหารสำหรับสุนัขที่มีพลังงานสูงและมีกิจกรรมมาก

เนื้อแกะมีสารไมโอโกลบินสูง ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก และยังเป็นแหล่งวิตามินบี 12 ที่ดีเยี่ยม

เนื้อแกะถือเป็นแหล่งธรรมชาติที่ยอดเยี่ยมของกรดอะมิโนที่จำเป็น ซึ่งสำคัญต่อการเจริญเติบโตของสุนัข ระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง การบำรุงกล้ามเนื้อ รวมถึงขนและเล็บ และยังเป็นแหล่งของคาร์นิทีนที่ดีสำหรับสุขภาพหัวใจ และช่วยในการเผาผลาญไขมันในร่างกาย

Wellness CORE Lamb
สูตรนี้ทำจากเนื้อแกะจากฟาร์มเปิด, เนื้อแกะแห้ง, ถั่วลันเตา, ถั่วชิกพี, โปรตีนจากถั่วลันเตา และน้ำมันคาโนลา
เป็นอาหารที่มีความสมดุลดีเยี่ยม นอกจากจะปราศจากเนื้อไก่แล้ว ยังไม่มีมันฝรั่ง
ซึ่งทำให้เหมาะสำหรับสุนัขที่มีท้องไวหรือระบบย่อยอาหารที่ไวต่ออาหาร

โปรตีน 2: ปลาขาว

คำว่า “ปลาขาว” หมายถึงปลาทุกชนิดที่มีเนื้อขาวนุ่มและเป็นชิ้นแยกได้ ปลาขาวส่วนใหญ่ เช่น ปลาค็อดและปลาพอลลอค มักมีไขมันต่ำ แต่มีโปรตีนสูง พร้อมทั้งวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้เป็นแหล่งโปรตีนที่ดีเยี่ยมสำหรับสุนัข ปลาขาวยังมีฟอสฟอรัสสูง ซึ่งช่วยรักษาความแข็งแรงและความหนาแน่นของกระดูกในสุนัขที่มีสุขภาพดี

ปลาขาวมีวิตามินบีหลายชนิด เช่น วิตามินบี 12 ที่สำคัญต่อการทำงานของระบบประสาทและการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงใหม่, วิตามินบี 6 (ไพริดอกซิน) ซึ่งช่วยในการเผาผลาญโปรตีนให้เหมาะสม และวิตามินบี 3 (ไนอะซิน) ที่ช่วยในการเผาผลาญพลังงานและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ ปลาขาวยังมีสารอาหารที่ช่วยส่งเสริมการทำงานของสมองให้มีสุขภาพดีอีกด้วย.

Wellness CORE+ Ocean
มื้อปลาไร้เนื้อไก่นี้ผสมผสานอาหารเม็ดที่มีโปรตีนสูงจากปลาเข้ากับชิ้นปลาขาวดิบ 100% สำหรับมื้ออาหารที่สมดุลซึ่งอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า ช่วยส่งเสริมสุขภาพผิวหนังและขนเงางาม ชิ้นปลาดิบได้รับการแช่แข็งแห้งด้วยเทคโนโลยีล่าสุด ทำให้เป็นวิธีที่ปลอดภัยและสะดวกในการให้รสชาติที่สุนัขชื่นชอบ พร้อมประโยชน์ของโปรตีนดิบในอาหารประจำวันของพวกมัน Wellness CORE+ ไม่มีส่วนผสมเทียม สี หรือสารกันบูด สูตรโปรตีนจากแหล่งเดียวนี้เป็นตัวเลือกอาหารที่ดีสำหรับสุนัขที่แพ้ไก่หรือสุนัขที่ชอบรสชาติของอาหารทะเล.

โปรตีน 3: เนื้อวัว

เนื้อวัวเป็นแหล่งโปรตีนที่ได้รับความนิยมสำหรับสุนัข เพราะมีสารอาหารที่สมดุล อุดมไปด้วยวิตามินหลายชนิด เช่น วิตามินบี 1 (ไธอามีน), บี 2 (ไรโบฟลาวิน), บี 3 (ไนอะซิน), บี 6 (ไพริดอกซิน), บี 9 (กรดโฟลิก) และบี 12 (โคบาลามิน) รวมถึงแร่ธาตุอย่างเหล็ก ฟอสฟอรัส และสังกะสี และกรดอะมิโนที่สำคัญต่อการเสริมสร้างกระดูกและกระดูกอ่อน เนื้อวัวยังเป็นแหล่งของคาร์นิทีน รวมถึงแอล-คาร์โนซีน ที่ดีสำหรับสุขภาพหัวใจ และช่วยในการเผาผลาญไขมันในร่างกาย

Wellness Bowl Boosters Simply Shreds
สูตรนี้มาในบรรจุภัณฑ์แบบซอง และออกแบบมาให้เสิร์ฟเป็นของว่างสุขภาพในส่วนของการบริโภคแคลอรี่ประจำวันของสุนัข หรือใช้ผสมกับอาหารเม็ดเพื่อเพิ่มรสชาติและโปรตีนให้กับอาหารเม็ด ทำจากส่วนผสมที่เรียบง่าย 5 อย่าง โดยโปรตีนจากทูน่าและเนื้อวัวถูกขูดแล้วผสมกับผักหั่นเต๋าในน้ำซุปรสอร่อย

โปรตีน 4: เนื้อไก่งวง

เนื้อไก่งวงเป็นเนื้อที่มีไขมันต่ำ และเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูงที่ย่อยง่ายสำหรับสุนัข อุดมไปด้วยวิตามินบีและแร่ธาตุต่างๆ เช่น เซเลเนียม ซึ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ เนื้อไก่งวงยังมีสังกะสีและฟอสฟอรัสสูง โดยฟอสฟอรัสเป็นสิ่งสำคัญต่อการเสริมสร้างกระดูกที่แข็งแรงและมีสุขภาพดี

แม้ว่าเนื้อไก่งวงจะจัดเป็นเนื้อไก่ แต่คุณสมบัติทางโภชนาการของมันแตกต่างจากไก่ ทำให้เป็นทางเลือกโปรตีนที่ปลอดภัยสำหรับสุนัขที่แพ้ไก่

CORE 95% Turkey with Spinach
สูตรอาหารนี้มีความสมดุลและครบถ้วน โดยใช้เนื้อไก่งวงเป็นโปรตีนแหล่งเดียวที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ผักโขมถือเป็นซูเปอร์ฟู้ดเพราะอุดมไปด้วยแมกนีเซียมและธาตุเหล็ก และสูตรนี้ยังเสริมด้วยโอเมกา 3 จากเมล็ดแฟลกซ์ นอกจากนี้ยังปราศจากธัญพืชและมีเนื้อสัมผัสแบบพาทีครีม ซึ่งทำให้เหมาะเป็นมื้ออาหารที่สมบูรณ์หรือใช้เป็นท็อปเปอร์สำหรับอาหารเม็ดเพื่อเพิ่มรสชาติและโปรตีน

👉 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :
ทักแชท: m.me/wellnesspetfoodthailand
Website: https://www.wellnesspetfood.co.th/
.
🌟แชร์ชีวิตที่ดีร่วมกัน แชร์ WELLNESS อาหารสัตว์เลี้ยงที่แนะนำโดยสัตวแพทย์ 🌟

🛒 หาซื้อได้แล้ววันนี้ ที่ร้านเพ็ทช็อปชั้นนำทั่วไป

5 เคล็ดลับในการให้อาหารที่ดีที่สุดสำหรับสุนัขของคุณ

การให้อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและอร่อยแก่สุนัขของคุณเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ สำหรับเจ้าของที่รักสุนัข ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของสุนัขใหม่หรือเป็นเจ้าของสุนัขมานานแล้ว คุณอาจมีคำถามเกี่ยวกับการปรับปรุงอาหารของสุนัขของคุณ ต่อไปนี้คือ 5 เคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณสามารถให้อาหารที่ดีที่สุดแก่สุนัขของคุณได้!

________________________________________________________________________________________________________________

ทำไมคุณถึงอาจกำลังคิดถึงเรื่องอาหารของสุนัขของคุณ:

มีหลายเหตุผลที่ทำให้คุณต้องใส่ใจเรื่องอาหารของสุนัข แม้ว่าสุนัขของคุณจะอยู่กับครอบครัวมานานแล้ว นี่คือตัวอย่างบางประการ:

  • เพิ่งรับสุนัขสมาชิกใหม่เข้ามาในครอบครัว
  • กำลังคิดจะเปลี่ยนอาหารให้สุนัข
  • ต้องให้อาหารกับสุนัขที่เลือกกิน
  • ได้เรียนรู้เกี่ยวกับอาหารสุนัขใหม่
  • ต้องการช่วยสนับสนุนสุนัขในช่วงชีวิตหรือการเปลี่ยนแปลง เช่น การสูงอายุหรือการสูญเสียฟัน
  • สังเกตเห็นปัญหาการย่อยอาหาร การเปลี่ยนแปลงความอยากอาหาร หรือปัญหาอื่นๆ
  • ต้องการช่วยให้สุนัขลดน้ำหนักหรือกินอาหารที่ดีขึ้น

ไม่ว่าคุณจะมีเหตุผลใดๆ ข้างต้นหรือแค่อยากแน่ใจว่าคุณกำลังกินอาหารที่เหมาะสมให้สุนัข ใช้เคล็ดลับทั้งห้าข้อที่เรานำมาฝากด้านล่างนี้เพื่อช่วยปรับปรุงอาหารของสุนัขของคุณ!

เคล็ดลับในการให้อาหารที่ดีที่สุดสำหรับสุนัข:

1.ตรวจสอบฉลากโภชนาการ

ก่อนที่คุณจะซื้อมื้ออาหารให้สุนัข ควรตรวจสอบฉลากโภชนาการเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่คุณกำลังให้อาหารสุนัขของคุณ ฉลากโภชนาการจะระบุส่วนผสมเรียงตามลำดับจากมากไปน้อย คุณจำส่วนผสมได้หรือไม่ โดยเฉพาะห้าอย่างแรก? โปรตีนถูกระบุเป็นส่วนผสมแรกหรือไม่?

สุนัขผู้ใหญ่ต้องการอาหารที่ครบถ้วนและสมดุลซึ่งประกอบด้วยสารอาหารเหล่านี้:

  • โปรตีน
  • วิตามินและแร่ธาตุ
  • โปรไบโอติกส์เพื่อสนับสนุนสุขภาพการย่อยอาหาร
  • ใยอาหารพรีไบโอติกส์สำหรับลำไส้ที่สุขภาพดี
  • คาร์โบไฮเดรต
  • กรดไขมันที่จำเป็น

ปริมาณสารอาหารแต่ละประเภทที่สุนัขต้องการจะขึ้นอยู่กับอายุ ขนาดระดับกิจกรรม และปัจจัยอื่นๆ ของสุนัขของคุณ

2.เลือกอาหารที่เหมาะสมกับช่วงชีวิตของสุนัขของคุณ

ลูกสุนัขที่กำลังเจริญเติบโต, สุนัขวัยที่มีสุขภาพดี, และสุนัขวัยชราล้วนมีความต้องการสารอาหารที่แตกต่างกัน

  • ลูกสุนัขที่อายุต่ำกว่าหนึ่งปีมักมีความต้องการแคลอรี่และโปรตีนสูง เลือกสูตรอาหารสุนัขที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อส่งเสริมการพัฒนาและการเจริญเติบโตที่แข็งแรง
  • สุนัขโตที่อายุระหว่างหนึ่งถึงเจ็ดปีต้องการรักษาน้ำหนักและมวลกล้ามเนื้อ เลือกให้อาหารสุนัขผู้ใหญ่คุณภาพสูงเพื่อสนับสนุนชีวิตที่ดีที่สุดของสุนัขคุณ
  • สุนัขวัยชราคือสุนัขที่อายุมากกว่าเจ็ดปี ถึงแม้ว่าพวกมันอาจยังดูอ่อนเยาว์ มีสุขภาพดี และเต็มไปด้วยพลัง แต่สุนัขในวัยนี้และวัยที่มากกว่านั้นต้องการความช่วยเหลือในการรักษาน้ำหนักที่ดีโดยไม่ให้เกิดความเครียดเกินไปกับข้อต่อของพวกมัน

ช่วยให้สุนัขของคุณยังคงสนุกสนานและกระปรี้กระเปร่าตลอดทุกช่วงวัยด้วยสูตรอาหารที่เหมาะสมกับอายุของพวกมัน

3.พิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ขนาด, พันธุ์, และระดับกิจกรรม

ลูกสุนัข, สุนัขผู้ใหญ่, และสุนัขวัยชราไม่ใช่กลุ่มเดียวที่มีความต้องการทางโภชนาการที่แตกต่างกัน ขนาด, พันธุ์, และระดับกิจกรรมของสุนัขของคุณก็มีผลต่อการเลือกอาหารที่เหมาะสมกับพวกมันด้วยเช่นกัน

  • สุนัขพันธุ์ทอยและสุนัขพันธุ์เล็กต้องการอาหารที่มีขนาดเม็ดอาหารเล็กลง อาหารสุนัขสำหรับพันธุ์เหล่านี้ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อให้สารอาหารที่สมดุลโดยไม่ให้แคลอรี่สูงเกินไป
  • สุนัขพันธุ์ใหญ่สามารถประสบปัญหาข้อเข่าได้หากได้รับอาหารมากเกินไป เนื่องจากขนาดของพวกมัน การประเมินความต้องการอาหารและระดับกิจกรรมของสุนัขพันธุ์ใหญ่ก็อาจเป็นเรื่องยากเช่นกัน

เช่นเดียวกัน สุนัขที่มีพลังงานสูง เช่น สุนัขที่ออกกำลังกายหรือทำงาน อาจต้องการโปรตีนและไขมันมากกว่าสุนัขที่มีความเคลื่อนไหวต่ำซึ่งแค่เดินเล่นสองครั้งต่อวัน อย่าลืมปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับความต้องการทางโภชนาการของสุนัขของคุณ และเลือกสูตรอาหารที่ช่วยเสริมชีวิตที่ดีที่สุดให้กับพวกมัน

Wellness CORE สูตร Small Breed Original เหมาะสำหรับสุนัขพันธุ์เล็ก

4.รู้จักตัวเลือกของคุณ

ส่วนหนึ่งของความท้าทายในการหากอาหารที่เหมาะสมสำหรับสุนัขของคุณคือการรู้จักตัวเลือกต่างๆ ที่มีอยู่และการเลือกตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด เช่น การให้อาหารสุนัขที่ไม่มีธัญพืชหรืออาหารที่มีธัญพืชที่ดีต่อสุขภาพ หรือการให้อาหารที่มีโปรตีนสูงกับอาหารที่ครบถ้วนและสมดุล หรือสุนัขของคุณจะได้รับประโยชน์จากอาหารที่เน้นการดูแลสุขภาพการย่อยอาหารหรือไม่?

  • ธัญพืชที่ดีต่อสุขภาพ: อาหารสุนัขที่มีธัญพืชเป็นส่วนประกอบมีแหล่งโปรตีนที่ดี (เช่น ไก่หรือแกะ) รวมถึงข้าวบาร์เลย์ ข้าวโอ๊ต และธัญพืชอื่นๆ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระและใยอาหารที่จำเป็นในการสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกันและสุขภาพโดยรวมของสุนัขของคุณ
  • อาหารสุนัขปราศจากธัญพืช: อาหารสุนัขปราศจากธัญพืชจะไม่มีธัญพืช แต่ใช้ผักและแหล่งคาร์โบไฮเดรตที่ปราศจากธัญพืช รวมถึงแหล่งโปรตีน เพื่อให้พลังงานที่สุนัขของคุณต้องการในการเติบโตและมีชีวิตที่แข็งแรง
  • อาหารสุนัขโปรตีนสูง: อาหารสุนัขโปรตีนสูงเหมาะสำหรับการรักษามวลกล้ามเนื้อและโทนกล้ามเนื้อ ซึ่งเหมาะกับสุนัขที่มีความกระฉับกระเฉงสูง อาหารประเภทนี้อาจมีทั้งแบบปราศจากธัญพืชหรือมีธัญพืชที่ดีต่อสุขภาพ
  • สุขภาพการย่อยอาหาร: อาหารที่สนับสนุนสุขภาพการย่อยอาหารและจุลชีพในลำไส้ของสุนัขจะย่อยง่าย และมีเอนไซม์ย่อยอาหาร, ใยอาหารพรีไบโอติกส์, และโปรไบโอติกส์เพื่อช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
Wellness CORE Grain Free สูตร Ocean ปราศจากธัญพืช ลดการแพ้ แถมยังบำรุงขนและผิวหนังได้อย่างดีเยี่ยม

การเลือกตัวเลือกขึ้นอยู่กับความต้องการทางโภชนาการ, การย่อยอาหาร, และระบบภูมิคุ้มกันของสุนัข สุนัขที่มีอาการแพ้ธัญพืชจะได้รับประโยชน์จากอาหารที่ปราศจากธัญพืช หากสุนัขมีปัญหากับระบบย่อยอาหาร ตัวเลือกที่เน้นสุขภาพการย่อยอาหารอาจเหมาะสมที่สุด ตัวเลือกเหล่านี้ช่วยให้สุนัขทุกวัยจากลูกสุนัขไปจนถึงสุนัขวัยชราได้มีชีวิตที่ดีที่สุด

5.หาสมดุลที่ดีระหว่างโภชนาการและความชอบ

การค้นหาอาหารสุนัขที่มีคุณค่าทางโภชนาการเป็นเรื่องที่ดี แต่ถึงแม้อาหารที่ดีที่สุดในโลกก็ไม่สามารถช่วยได้หากสุนัขของคุณไม่อยากกินมัน ควรคำนึงถึงความชอบของสุนัขเมื่อคุณกำลังมองหาสูตรอาหารที่ทั้งมีประโยชน์และอร่อย:

  • รสชาติ: ไก่, ไก่งวง, เนื้อวัว, ปลา และส่วนผสมอื่นๆ จะช่วยเปลี่ยนรสชาติของอาหารสุนัข คุณยังสามารถพบสูตรอาหารสุนัขที่ผสมหลายรสชาติเข้าด้วยกันได้อีกด้วย
  • เนื้อสัมผัส: หากสุนัขของคุณมีปัญหาในการเคี้ยว ลองเพิ่มน้ำให้กับอาหารเม็ดหรือเปลี่ยนไปใช้อาหารสุนัขแบบเปียก คุณอาจจะพบว่าสุนัขของคุณชอบเนื้อสัมผัสแบบใดแบบหนึ่งมากกว่าอีกแบบ แต่การผสมผสานทั้งสองแบบก็อาจจะได้ผลดีเช่นกัน

การเพิ่มส่วนผสมและท็อปปิ้งอาจช่วยเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้กับอาหารสุนัขของคุณได้ ตัวอย่างเช่น Wellness CORE Bowl Boosters ที่มีเอนไซม์ย่อยอาหารและเนื้อสัตว์สด, ผลไม้, ผัก และธัญพืชเพื่อเพิ่มรสชาติและสุขภาพให้กับชามอาหารของสุนัขของคุณ

คุณยังสามารถเพิ่มส่วนผสมที่เป็นธรรมชาติ เช่น ผักดิบหรือผักที่ปรุงสุกเล็กน้อย และไข่ โยเกิร์ต, ปลกระป๋อง และน้ำมันปลา ก็เป็นตัวเลือกที่ดีในการเพิ่มเข้าไปในอาหารสุนัขของคุณเช่นกัน

👉 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :
ทักแชท: m.me/wellnesspetfoodthailand
Website: https://www.wellnesspetfood.co.th/
.
🌟แชร์ชีวิตที่ดีร่วมกัน แชร์ WELLNESS อาหารสัตว์เลี้ยงที่แนะนำโดยสัตวแพทย์ 🌟

🛒 หาซื้อได้แล้ววันนี้ ที่ร้านเพ็ทช็อปชั้นนำทั่วไป

7 เคล็ดลับในการให้อาหารสุนัขพันธุ์เล็กอย่างถูกวิธี

ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา สุนัขพันธุ์เล็กได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นสุนัขส่วนใหญ่ในสหรัฐอเมริกา โดยอาจจะเลือกเลี้ยงเพราะรูปลักษณ์ที่น่ารักหรือขนาดที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปในเมืองใหญ่ แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่าในการให้อาหารสุนัขพันธุ์เล็กนั้น การเลือกอาหารที่เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของพวกมันเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีที่สุด สุนัขพันธุ์เล็กมักมีความต้องการพลังงานต่อปอนด์สูงกว่าสุนัขพันธุ์ใหญ่ เช่น เกรตเดน หรือ ลาบราดอร์ และพวกมันยังเป็นที่รู้จักกันว่าอายุยืนที่สุดในบรรดาสุนัขทุกพันธุ์อีกด้วย

จากมุมมองด้านโภชนาการ ขนาดตัวของสุนัขพันธุ์เล็กยังทำให้พวกมันมีแนวโน้มที่จะประสบปัญหาสุขภาพที่พบบ่อย เช่น โรคเหงือกและฟัน และโรคอ้วน ซึ่งทั้งสองอย่างเป็นผลโดยตรงจากสิ่งที่เราป้อนให้พวกมัน การเลือกอาหารที่เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของสุนัขพันธุ์เล็กเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้สุนัขพันธุ์เล็กไม่เพียงแต่ดูดีและรู้สึกดีที่สุด แต่ยังสามารถเพลิดเพลินกับชีวิตที่มีสุขภาพดีไปพร้อมกับเจ้าของได้ตลอดชีวิต

________________________________________________________________________________________________________________

เคล็ดลับในการให้อาหารสุนัขพันธุ์เล็กและลูกสุนัข

1. เลือกสูตรอาหารที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติที่เหมาะสมกับสุนัขพันธุ์เล็ก
อาหารที่ออกแบบเฉพาะนี้ได้รับการปรับให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของสุนัขพันธุ์เล็ก โดยในสูตรอาหารของ Wellness ทุกสูตรจะมีขนาดของอาหารเม็ดที่เล็กกว่าปกติ เพื่อให้เหมาะกับปากของสุนัขพันธุ์เล็ก สูตรที่ปรับเฉพาะนี้ยังมีโปรตีนจากเนื้อสัตว์และไขมันสูง เพื่อให้ทั้งรสชาติอร่อยที่แม้แต่สุนัขพันธุ์เล็กที่เลือกกินยากก็ยังชอบ และยังมีแคลอรี่มากขึ้นในทุกคำที่กิน ซึ่งจะช่วยเติมพลังให้กับการใช้ชีวิตที่กระฉับกระเฉงของพวกมันและตอบสนองความต้องการพลังงานที่สูงขึ้น

    2. เลือกสูตรอาหารที่เหมาะสมกับช่วงชีวิตและไลฟ์สไตล์
    สุนัขพันธุ์เล็กบางพันธุ์อาจใช้ชีวิตช่วงใหญ่เป็นสุนัขวัยชรา หรือบางพันธุ์อาจเติบโตในปีแรกได้มากเท่ากับมนุษย์ที่ใช้เวลา 15 ปีในการเจริญเติบโต ดังนั้น การเลือกอาหารที่เหมาะสมกับช่วงอายุเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพของสุนัขพันธุ์เล็ก สูตรอาหารสำหรับลูกสุนัขพันธุ์เล็กจาก Wellness มีระดับ DHA ที่รับประกันเพื่อสนับสนุนการพัฒนาสมอง พร้อมวิตามินและแร่ธาตุที่สมดุลสำหรับการเจริญเติบโต ส่วนสูตรสำหรับสุนัขพันธุ์เล็กที่ชราแล้วมีสารต้านอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้นเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน กลูโคซามีนและคอนดรอยตินเพื่อสนับสนุนการเคลื่อนไหว รวมถึงการช่วยเสริมการย่อยอาหารเพื่อบรรเทาความไวที่อาจเกิดขึ้นเมื่อสุนัขเริ่มมีอายุ

    อาหารสุนัข Wellness CORE สูตร Small Breed Original เป็นอาหารที่เหมาะกับสุนัขพันธุ์เล็ก มีสารอาหารที่เหมาะสมและครบถ้วน

    3. ควบคุมปริมาณอาหารที่ให้อย่างใกล้ชิด
    แม้ว่าสุนัขพันธุ์เล็กจะมีความต้องการพลังงานที่สูงต่อปอนด์ของน้ำหนักตัว แต่เนื่องจากขนาดตัวที่เล็กมาก การให้อาหารมากเกินไปโดยไม่ทันสังเกตก็เป็นเรื่องง่าย หากให้มากเกินไปเพียงแค่หนึ่งออนซ์ก็สามารถเพิ่มแคลอรี่ได้มากถึง 20% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน ซึ่งจะส่งผลให้สุนัขเกิดการเพิ่มน้ำหนักที่ไม่พึงประสงค์ได้ในระยะยาว

    4. สังเกตน้ำหนักของสุนัขอย่างใกล้ชิด
    เนื่องจากสุนัขพันธุ์เล็กมีขนาดตัวเล็ก การเพิ่มน้ำหนักเพียงไม่กี่ออนซ์ก็อาจจะเป็น 10-20% ของน้ำหนักตัวทั้งหมด ซึ่งอาจไม่ชัดเจนเหมือนกับสุนัขพันธุ์ใหญ่ที่น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นในสัดส่วนเดียวกันอาจจะเท่ากับ 4-6 ปอนด์ สำหรับสุนัขพันธุ์เล็กบางพันธุ์ การเพิ่มน้ำหนักเพียงครึ่งปอนด์อาจเป็นปัญหาที่สำคัญได้ ซึ่งเปรียบเสมือนกับมนุษย์ที่หนัก 150 ปอนด์ เพิ่มน้ำหนัก 20 ปอนด์เลยทีเดียว หากคิดว่าสุนัขพันธุ์เล็กของคุณอาจมีน้ำหนักเกินมากกว่าที่ควร Wellness CORE Small Breed Healthy Weight เป็นสูตรที่เหมาะสมในการลดไขมันและแคลอรี่เพื่อช่วยให้สุนัขลดน้ำหนักได้ พร้อมโปรตีนที่สูงเพื่อรักษาสภาพร่างกายที่เหมาะสมในขณะที่ลดน้ำหนัก

    5. ดูแลฟันของสุนัขทุกวัน
    สุนัขพันธุ์เล็กมีฟันจำนวนเท่ากับสุนัขพันธุ์ใหญ่เช่นเกรทเดน แต่มีพื้นที่ปากที่เล็กกว่า ทำให้ฟันของสุนัขพันธุ์เล็กมีแนวโน้มที่จะเกินจำนวนและซ้อนกัน ส่งผลให้สุนัขพันธุ์เล็กมีความเสี่ยงต่อปัญหาฟันมากขึ้น เจ้าของสุนัขพันธุ์เล็กจึงควรช่วยทำความสะอาดฟันสุนัขทุกวัน วิธีที่ดีในการทำให้ฟันขาวสะอาดคือการแปรงฟันหรือให้ขนมที่ช่วยทำความสะอาดฟัน เช่น WHIMZEES Daily Dental Treats ซึ่งขนมเหล่านี้ช่วยทำความสะอาดฟันขณะเคี้ยวและได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์ว่าเป็นการชะลอการเกิดโรคเหงือก

    6. เลือกแบรนด์ที่มีทั้งรสชาติและคุณภาพ
    สูตรอาหารเหล่านี้ควรมีโปรตีนจากเนื้อสัตว์สูง ไขมันที่ดีต่อสุขภาพ และคาร์โบไฮเดรตที่มีคุณค่าทางโภชนาการในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้สุนัขพันธุ์เล็กได้รับอาหารที่อร่อยและตื่นเต้นกับมื้ออาหารในแต่ละมื้อ พร้อมทั้งให้สารอาหารที่หนาแน่นซึ่งเหมาะกับขนาดกระเพาะที่เล็กของพวกมัน

    7. เลือกสูตรอาหารที่รสชาติยอดเยี่ยม
    เราทราบดีว่ามันสำคัญที่สุนัขทุกตัวจะต้องรักในอาหารของพวกมัน แม้แต่สุนัขพันธุ์เล็กที่เลือกกินยาก ดังนั้นเราจึงได้พัฒนาสูตรอาหารสำหรับสุนัขพันธุ์เล็กที่มีรสชาติอร่อย เพื่อให้สุนัขทุกตัวรู้สึกเพลิดเพลินในทุกมื้อ เช่น Wellness CORE+ Small Breed ที่มีอาหารเม็ดพร้อมกับเนื้อแห้งฟรีซดรายด์ 100% หรือมื้ออาหารสำเร็จรูปของ Wellness เช่น Mini Meals หรือ Petite Entrees ที่มีขนาดพอเหมาะสำหรับการเสิร์ฟเพียงมื้อเดียวสำหรับสุนัขพันธุ์เล็ก สำหรับขนมก็สามารถเลือก CORE Petite Treats ที่ปราศจากธัญพืชและอัดแน่นไปด้วยโปรตีนจากเนื้อสัตว์ เพื่อช่วยรางวัลพฤติกรรมดีๆ และเป็นขนมขบเคี้ยวขนาดเหมาะสำหรับสุนัขพันธุ์เล็ก

    โดยการปฏิบัติตามเคล็ดลับและวิธีการให้อาหารที่ออกแบบเฉพาะสำหรับสุนัขพันธุ์เล็กเหล่านี้ คุณจะมั่นใจได้ว่าคุณกำลังให้อาหารสูตรที่ไม่เพียงแต่อร่อย แต่ยังมีสารอาหารครบถ้วนที่ลูกสุนัขพันธุ์เล็กของคุณต้องการ เพื่อให้พวกมันมีชีวิตที่มีสุขภาพดีและมีความสุข

    👉 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :
    ทักแชท: m.me/wellnesspetfoodthailand
    Website: https://www.wellnesspetfood.co.th/
    .
    🌟แชร์ชีวิตที่ดีร่วมกัน แชร์ WELLNESS อาหารสัตว์เลี้ยงที่แนะนำโดยสัตวแพทย์ 🌟

    🛒 หาซื้อได้แล้ววันนี้ ที่ร้านเพ็ทช็อปชั้นนำทั่วไป

    การฝึกลูกแมว

    หลายคนคิดว่าแมวไม่สามารถฝึกได้ แต่มันไม่เป็นความจริง! แมวสามารถฝึกได้ดีและมีแรงจูงใจสูงเมื่อใช้เทคนิคที่เหมาะสมและเป็นมิตรกับแมว

    เวลาที่ดีที่สุดในการเริ่มฝึกคือเมื่อแมวของคุณยังเป็นลูกแมว เริ่มฝึกเมื่อคุณนำลูกแมวเข้าบ้านครั้งแรก เพราะมันพร้อมที่จะเรียนรู้แล้ว มีหลายสิ่งที่คุณต้องสอนให้กับเธอ แต่ต่อไปนี้คือละครขั้นพื้นฐาน 6 ข้อ

    1.สอนการสัมผัสอย่างอ่อนโยน

    ลูกแมวของคุณยังตัวเล็กและง่ายต่อการอุ้มตอนนี้ แต่เมื่อเธอโตขึ้น คุณจะต้องยกและอุ้มเธอเพื่อเหตุผลต่างๆ เช่น การให้ยา ตัดเล็บ หรือความปลอดภัย หากคุณเริ่มฝึกให้เธอคุ้นเคยกับการสัมผัสและการถูกอุ้มตั้งแต่ตอนนี้ จะช่วยให้การทำเช่นนี้เป็นเรื่องง่ายเมื่อเธอโตขึ้น

    2.การฝึกใช้กรงเดินทาง

    แมวจำนวนมากไม่ได้ไปพบสัตวแพทย์บ่อยเพราะเจ้าของกลัวการใส่แมวในกรง การฝึกให้แมวเข้าไปในกรงได้ง่ายและปลอดภัยจะช่วยลดความเครียดของแมวระหว่างการเดินทาง ลดความเสี่ยงที่จะได้รับบาดเจ็บ และยังช่วยประหยัดเวลาในกรณีฉุกเฉินอีกด้วย

    สอนให้ลูกแมวคุ้นเคยกับกรงเริ่มต้นด้วยการวางกรงไว้ในที่ที่ลูกแมวมองเห็นและเปิดประตูกรงทิ้งไว้ กรงพลาสติกแข็งแบบเคนเนล (กรงแบบเคนเนล (Kennel-style carrier) คือกรงพลาสติกแข็งที่มีประตูเปิดปิดแบบบานเลื่อนหรือบานพับ ซึ่งมักใช้สำหรับพาน้องสัตว์ไปหาสัตวแพทย์หรือเดินทาง) มักจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

    ให้อาหารลูกแมวในกรงเพื่อให้เธอรู้สึกดีเมื่ออยู่ในกรง เริ่มจากการเปิดประตูกรงไว้ก่อน แล้วค่อยๆ ฝึกปิดประตูขณะที่ลูกแมวกินอาหาร ในระหว่างมื้ออาหาร ให้โยนขนมเข้าไปในกรงเป็นครั้งคราวเพื่อดึงดูดลูกแมว หลังจากนั้น ปิดประตูกรง ยกกรงขึ้น เดินรอบห้องแล้ววางกรงลงที่เดิม ปล่อยลูกแมวออกแล้วให้ขนมเป็นรางวัล

    ดำเนินการฝึกต่อไปเพื่อให้สามารถพาลูกแมว (ในกรง) ออกไปที่รถได้ ให้เริ่มจากการนั่งในรถสักครู่โดยที่เครื่องยนต์ยังไม่เปิด ในการฝึกครั้งถัดไป ให้ลองเปิดเครื่องยนต์สักครู่ เมื่อลูกแมวคุ้นเคยกับขั้นตอนเหล่านี้แล้ว ให้พาไปขับรถสั้นๆ แล้วค่อยๆ เพิ่มระยะทาง เช่น ไปที่ธนาคารหรือรับของจากบริการขับรถกลับบ้าน

    หากลูกแมวรู้สึกสบายใจเมื่อได้ซ่อนตัว ให้คลุมกรงด้วยผ้าขนหนู

    วางกรงไว้ในที่ที่เห็นตลอดเวลา เพื่อให้ลูกแมวคุ้นเคยกับการมีกรงอยู่ใกล้ๆ วางผ้าขนหนูอ่อนๆ ในกรงเพื่อให้มันเป็นที่หลบซ่อนสำหรับการนอนพักที่อบอุ่น

    3.สังคมกับลูกแมว

    บ่อยครั้ง สาเหตุที่แมวโตหลายตัวกลัวประสบการณ์ต่างๆ เช่น การมีผู้มาเยี่ยมที่บ้าน เป็นเพราะขาดการเข้าสังคมหรือการเข้าสังคมที่ไม่เพียงพอเมื่อยังเป็นลูกแมว

    ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเข้าสังคมคือระหว่าง 2-7 สัปดาห์ แต่ยังคงมีประโยชน์มากในการดำเนินการต่อไปหลังจากนั้น ช่วงเวลานี้คือตอนที่ลูกแมวเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ และการเรียนรู้ได้ดีที่สุด

    นี่คือช่วงเวลาที่ควรพาลูกแมวไปสัมผัสกับสิ่งต่อไปนี้:

    • คนใหม่
    • การสัมผัสอย่างอ่อนโยนบ่อยๆ
    • การฝึกกรงและการเดินทางสั้นๆ
    • สัตว์เลี้ยงตัวอื่น (ทำอย่างปลอดภัย และหลังจากลูกแมวได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว)
    • เสียงในบ้านทั่วไปและการเข้าออกของสมาชิกในบ้าน

    การแนะนำควรทำอย่างอ่อนโยน ค่อยเป็นค่อยไป และอยู่ในระดับที่ลูกแมวรู้สึกสบาย เพื่อไม่ให้มันกลัว ควรรักษาท่าทีให้เป็นบวก ให้ขนมเป็นรางวัล และอย่าทำให้ลูกแมวรู้สึกเครียดเกินไป

    4.การฝึกใช้กระบะทราย

    แมวมีสัญชาตญาณในการขุดทรายในกระบะทราย ขับถ่าย และปกปิดของเสียของตัวเองเพื่อไม่ให้ดึงดูดสัตว์นักล่า

    ถึงแม้ว่ามักจะมีแมวที่เข้าใจกระบะทรายตามธรรมชาติ แต่ลูกแมวทุกตัวไม่ได้เข้าใจแนวคิดนี้เสมอไป บางครั้งแม่แมวอาจจะไม่ได้อยู่เพื่อสอนบทเรียนนี้ ลูกแมวยังไม่มีการควบคุมกระเพาะปัสสาวะที่ดีพอที่จะใช้กระบะทรายอย่างแม่นยำเหมือนแมวโต

    ยกเว้นการรับเลี้ยงลูกแมวที่ยังเล็กและไม่มีแม่ การฝึกลูกแมวจะค่อนข้างง่ายหากได้รับคำแนะนำพื้นฐานเพียงพอ เตรียมให้ลูกแมวมีโอกาสประสบความสำเร็จด้วยการตั้งกระบะทรายที่ไม่มีฝาปิด และมีขอบต่ำพอที่ลูกแมวจะเข้าออกได้ง่าย หากคุณอาศัยในบ้านหรืออพาร์ตเมนต์ขนาดใหญ่ ให้จำกัดพื้นที่ของลูกแมวในช่วงแรกเพื่อให้มันคุ้นเคยกับตำแหน่งกระบะทราย เติมทรายที่อ่อนนุ่ม ไม่มีน้ำหอม และสามารถตักได้ เพื่อให้ลูกแมวยืนได้อย่างสบาย ตรวจสอบให้แน่ใจว่ากระบะทรายตั้งอยู่ในที่สะดวกเพื่อที่ลูกแมวจะไม่ต้องค้นหามันเมื่อกระเพาะปัสสาวะเต็ม

    หากลูกแมวของคุณต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม ค่อยๆ พาเธอไปที่กระบะทรายหลังจากการนอนหลับ มื้ออาหาร หรือเล่นเกม อย่าบังคับให้เธออยู่ที่นั่น เพียงแค่เป็นการแนะนำอย่างอ่อนโยน

    อย่าลงโทษลูกแมวถ้ามีอุบัติเหตุ ให้ความอดทนกับลูกแมวเพราะเธอกำลังเรียนรู้อยู่

    5.การฝึกใช้เสาลับเล็บ

    จัดเตรียมพื้นผิวที่น่าสนใจและเหมาะกับการลับเล็บเพื่อไม่ให้ลูกแมวของคุณไปข่วนเฟอร์นิเจอร์ แมวส่วนใหญ่ชอบเสาที่หุ้มด้วยเส้นใยซิสัล (เส้นใยซิสัล (Sisal) คือเส้นใยธรรมชาติที่ได้จากพืชชนิดหนึ่งชื่อ “ซิสัล” ซึ่งเป็นพืชในตระกูล Agave พบได้ในบางประเทศ เช่น เม็กซิโก เส้นใยซิสัลมีความทนทานและแข็งแรง จึงมักใช้หุ้มเสาลับเล็บเพื่อให้แมวสามารถข่วนได้ดีและไม่ทำลายง่าย) ลงทุนกับเสาลับเล็บที่แข็งแรงและสูงพอที่จะใช้ได้เมื่อลูกแมวโตขึ้น

    วางเสาลับเล็บในพื้นที่เปิดเพื่อให้ลูกแมวหามันเจอได้ง่าย ใช้ของเล่นแบบอินเทอร์แอคทีฟและเล่นกับลูกแมวรอบๆ เสา เมื่อเธอข่วนเสาและลับเล็บ เธอจะรู้ว่านี่คือสิ่งที่น่าสนใจสำหรับการข่วน

    นอกจากเสาลับเล็บแนวตั้งแล้ว ควรจัดให้มีแผ่นลับเล็บแนวนอนที่ทำจากกระดาษลูกฟูกเพื่อให้ลูกแมวมีตัวเลือกในการข่วนมากขึ้น

    อย่าลงโทษลูกแมวถ้าเธอข่วนเฟอร์นิเจอร์ แทนที่จะทำแบบนั้น ให้วางเสาลับเล็บข้างๆ เฟอร์นิเจอร์ที่เธอกำลังข่วน แล้วคลุมเฟอร์นิเจอร์ด้วยผ้า (ให้ผ้าพับให้แน่นเพื่อไม่ให้ลูกแมวสามารถซ่อนตัวใต้ผ้าได้) เพื่อให้ลูกแมวรู้ว่าเสาลับเล็บเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

    6.สอนลูกแมวเล่นอย่างเหมาะสม

    นี่เป็นบทเรียนที่คุณต้องสอนตัวเองก่อน เพราะอาจจะอยากใช้มือเป็นของเล่น สอนลูกแมวให้กัดหรือข่วนแค่ของเล่น อย่าให้ลูกแมวกัดนิ้วคุณ แม้ว่ามันจะไม่เจ็บตอนนี้ แต่เมื่อเธอโตขึ้นมันจะเจ็บแน่ๆ

    จัดของเล่นที่ปลอดภัยสำหรับเวลาที่ลูกแมวเล่นคนเดียว และใช้ของเล่นแบบอินเทอร์แอคทีฟสำหรับช่วงเวลาที่เล่นด้วยกัน ของเล่นอินเทอร์แอคทีฟจะมีการออกแบบเหมือนไม้ตกปลา ซึ่งช่วยให้คุณสามารถเล่นห่างจากฟันและกรงเล็บของลูกแมวได้ ของเล่นชนิดนี้ยังสามารถขยับของเล่นเหมือนเหยื่อให้ลูกแมวได้สนุกเต็มที่กับการเล่น

    หลังจากเล่นเสร็จแล้ว ควรเก็บของเล่นแบบอินเทอร์แอคทีฟทุกครั้งเพื่อป้องกันอันตรายจากการถูกผูกคอ ให้ทิ้งไว้แค่ของเล่นที่ปลอดภัยสำหรับการเล่นโดยไม่ต้องมีการดูแล

    อาหารแมว สูตรสำหรับลูกแมวของ Wellness CORE มี DHA กับ EPA ที่ช่วยเสริมพัฒนาการของลูกแมวตัวน้อย

    👉 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :
    ทักแชท: m.me/wellnesspetfoodthailand
    Website: https://www.wellnesspetfood.co.th/
    .
    🌟แชร์ชีวิตที่ดีร่วมกัน แชร์ WELLNESS อาหารสัตว์เลี้ยงที่แนะนำโดยสัตวแพทย์ 🌟

    🛒 หาซื้อได้แล้ววันนี้ ที่ร้านเพ็ทช็อปชั้นนำทั่วไป

    เกี่ยวกับหน้านี้

    วันที่:

    30/07/2014

      รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อการดูแลสัตว์เลี้ยงอย่างดีที่สุด

      ลงชื่อเข้าใช้