10 วิธีช่วยคลายเครียดให้สัตว์เลี้ยงของคุณ

dog in blanket

สัตว์เลี้ยงก็เหมือนคน — เรามักพูดแบบนี้อยู่เสมอ แต่เชื่อแบบนั้นจริงหรือเปล่า?
ถ้ายังไม่เคยคิดว่าน้องหมาน้องแมวเหมือนคนจริง ๆ…ตอนนี้แหละค่ะคือเวลาที่ควรเริ่มคิดแบบนั้นได้แล้ว

เพราะนอกจากจะต้องการโภชนาการและการออกกำลังกายเหมือนเราแล้ว สัตว์เลี้ยงก็ต้องการการดูแลสุขภาพจิตและอารมณ์เช่นกัน

โดยทั่วไป ความเครียดของสัตว์เลี้ยงมี 3 แบบหลัก ๆ:

  1. ความกลัวทั่วไป

  2. ความเครียดเมื่อถูกทิ้งให้อยู่ลำพัง (Separation Anxiety)

  3. ความวิตกจากอายุที่มากขึ้นหรือปัญหาสุขภาพ

การเข้าใจว่าน้องเครียดจริง และรู้ที่มาของความเครียด จะช่วยให้เราดูแลเขาได้ดีขึ้น และทำให้น้องรู้สึก ปลอดภัยและสงบ

1) สังเกตอาการเครียดและวิตกกังวลในสัตว์เลี้ยงให้เป็น

อาการทั่วไปที่บ่งบอกว่าน้องหมาน้องแมวกำลังเครียดหรือวิตกกังวล ได้แก่:

  • กระวนกระวาย อยู่ไม่สุข

  • ทำพฤติกรรมซ้ำ ๆ เช่น เลียตัว กัดขน

  • เดินวนไปมาไม่หยุด

  • ทำลายของ ทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน

  • หอบ หรือน้ำลายไหลผิดปกติ

  • ขับถ่ายไม่เป็นที่ ทั้งที่เคยฝึกมาแล้ว

แม้อาการเหล่านี้อาจเกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ได้ แต่ก็เป็นสัญญาณของความเครียดและความวิตกกังวลเช่นกัน ควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและแนวทางการดูแลอย่างเหมาะสม

2) หาต้นตอของความเครียดให้เจอ

หากคุณสังเกตว่าน้องหมาหรือน้องแมวเริ่มมีอาการเครียดหรือวิตกกังวล ควรปรึกษาสัตวแพทย์ทันที จากนั้นลองหาสาเหตุของความเครียดให้เจอ เช่น มีคนใหม่เข้าบ้าน? เวลาทำงานเปลี่ยนไป? ย้ายงาน? หรือมีสัตว์เลี้ยงตัวใหม่?

พยายามเช็กว่าเกิดอะไรใหม่ ๆ ขึ้น และอาการเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ เพื่อจะได้หาทางช่วยให้น้องรู้สึกปลอดภัยและสงบอีกครั้ง

3) จัดการกับปัญหาให้ตรงจุด

dog

ในบางกรณี เราสามารถจัดการกับสิ่งกระตุ้นความเครียดของสัตว์เลี้ยงได้ โดยเฉพาะสถานการณ์ที่น้องต้องเจอเป็นปกติ เช่น เจอสัตว์ตัวอื่น เจอคนแปลกหน้า หรือช่วงที่มีพายุฟ้าร้อง

การฝึกพฤติกรรม (Behavioral Therapy) สามารถช่วยปรับการตอบสนองของน้องให้ดีขึ้นในสถานการณ์เหล่านี้ แม้จะต้องใช้เวลา ความอดทน และความสม่ำเสมอ แต่เมื่อน้องเริ่มปรับตัวได้ เขาจะรับมือกับสิ่งที่เคยเครียดได้ดีขึ้น และมีสุขภาพจิตที่มั่นคงขึ้นในระยะยาว

4) หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นความเครียด

ในทางกลับกัน บางสิ่งกระตุ้นความเครียดก็ควรหลีกเลี่ยง หากสามารถทำได้ เช่น เสียงประทัดหรือพลุ ที่ไม่จำเป็นต้องฝึกให้น้องทนได้ หรือถ้าน้องไม่ชอบนั่งรถ ก็ไม่ควรพาออกไปข้างนอกบ่อย ๆ โดยไม่จำเป็น หากการนั่งรถมีแค่ไปหาหมอปีละไม่กี่ครั้ง ก็ไม่จำเป็นต้องฝึกให้น้องเคยชินกับการนั่งรถเป็นประจำ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกสิ่งกระตุ้นที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และไม่ใช่น้องทุกตัวจะฝึกให้ทนต่อสิ่งเหล่านั้นได้ เจ้าของจึงควรใช้วิจารณญาณ และสังเกตการตอบสนองของน้อง เพื่อเลือกวิธีดูแลที่เหมาะสมที่สุดสำหรับทั้งน้องและตัวเราเอง

5) ปรึกษาสัตวแพทย์

แม้การใช้ยาอาจไม่เหมาะกับทุกกรณีของความเครียดและความวิตกกังวล แต่อย่างไรก็ตาม มียาหลายชนิดที่สามารถช่วยให้น้องหมาน้องแมวรู้สึกสงบลงได้ ควรปรึกษาสัตวแพทย์ เพื่อหาทางเลือกที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับน้องแต่ละตัว เพราะสัตว์เลี้ยงแต่ละตัวตอบสนองต่อยาไม่เหมือนกัน และอาจมีข้อควรระวังเฉพาะ

6) แนวทางดูแลแบบธรรมชาติ

มีวิธีธรรมชาติและสมุนไพรหลายชนิดที่เจ้าของนิยมใช้กับสัตว์เลี้ยง เช่น รากวาเลอเรียน (Valerian root), คาโมมายล์ ฯลฯ ซึ่งเป็นสมุนไพรที่คนก็นิยมใช้ และมีรายงานว่าช่วยลดความเครียดในสัตว์เลี้ยงได้เช่นกัน แต่สิ่งสำคัญคือ วิธีเหล่านี้ยังไม่มีการควบคุมหรือมาตรฐานชัดเจน ก่อนใช้อะไรกับน้อง ควรปรึกษาสัตวแพทย์ทุกครั้ง และอ่านข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือผลข้างเคียงให้รอบคอบ

7) ลองใช้การบำบัดด้วยฟีโรโมนดูสิ

เพราะสุนัขและแมวมีประสาทรับกลิ่นที่ไวเป็นพิเศษ จึงไม่แปลกที่การบำบัดด้วยฟีโรโมนจะช่วยให้น้องรับมือกับความเครียดได้ดีขึ้น เดิมทีฟีโรโมนถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยลดพฤติกรรมก้าวร้าวและปัญหาทางพฤติกรรม แต่ต่อมานักวิจัยพบว่า ฟีโรโมนยังช่วยให้น้องรู้สึกผ่อนคลายได้ในหลายสถานการณ์ เช่น ย้ายบ้าน ไปหาหมอ ฟ้าร้อง หรือแม้แต่เสียงพลุ

8) ใช้พลังแห่งการสัมผัสเพื่อเยียวยาน้อง

cat

การสัมผัสสามารถช่วยปลอบสัตว์เลี้ยงที่กำลังเครียดหรือหวาดกลัวได้อย่างดี เพียงแค่ลูบขนน้องเบา ๆ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและใจเย็น ก็ช่วยให้น้องรู้สึกสงบ ลดความวิตกกังวล และรู้สึกปลอดภัยขึ้นในสถานการณ์ที่ทำให้น้องสับสนหรือกลัว

9) เปิดเพลงเบา ๆ ช่วยให้น้องผ่อนคลาย

ดนตรีคลาสสิก หรือ เพลงที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับสัตว์เลี้ยง (เช่นซีรีส์ Through a Dog’s Ear) หากเปิดให้ฟังก่อนหรือระหว่างเหตุการณ์ที่กระตุ้นความเครียด เช่น ฟ้าร้อง พลุ หรือการเดินทาง สามารถช่วยให้น้องรู้สึกผ่อนคลาย และรับมือกับสถานการณ์ได้ดีขึ้น

10) ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และกินอาหารดีมีประโยชน์

การออกกำลังกายและสุขภาพที่แข็งแรงโดยรวม มีส่วนช่วยอย่างมากในการลดความเครียดในสัตว์เลี้ยง น้องหมาน้องแมวที่ได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะมีสมาธิและรับมือกับสถานการณ์ที่ตึงเครียดได้ดีขึ้น แถมยังหลับลึกขึ้นด้วยค่ะ ในขณะเดียวกัน โภชนาการที่ดี ก็ช่วยเสริมพลังงานและความอึดให้กับน้อง ทั้งสำหรับการออกกำลังกาย และการเผชิญกับสถานการณ์ที่กระตุ้นความเครียดหรือความวิตกกังวล

ความเครียดและความวิตกกังวลในสัตว์เลี้ยงเป็นเรื่องจริง แต่ก็มีหลายวิธีที่เจ้าของสามารถช่วยดูแลและควบคุมได้ ที่ Wellness Pet Food เราไม่เพียงแค่ให้ความรู้กับเจ้าของสัตว์เลี้ยงเท่านั้น แต่ยังพัฒนาสูตรอาหารจากธรรมชาติหลากหลายสูตร เพื่อดูแลสุขภาพของน้องทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ ให้เขามีความสุขและสมดุลในทุกวัน

👉 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :
ทักแชท: m.me/wellnesspetfoodthailand
Website: https://www.wellnesspetfood.co.th/
.
🌟แชร์ชีวิตที่ดีร่วมกัน แชร์ WELLNESS อาหารสัตว์เลี้ยงที่แนะนำโดยสัตวแพทย์ 🌟

🛒 หาซื้อได้แล้ววันนี้ ที่ร้านเพ็ทช็อปชั้นนำทั่วไป


 

เกี่ยวกับหน้านี้

วันที่:

03/07/2019

    รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อการดูแลสัตว์เลี้ยงอย่างดีที่สุด

    ลงชื่อเข้าใช้